เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ชี้ธนาคารพาณิชย์ปรับลด/ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบ Mobile Banking กระทบระยะสั้นเพียง 1% เท่านั้น กดดันรายได้รวมธนาคารไทยในปี 2561 ลดลงเฉลี่ย 0.7-1.3% คาดแบงก์พาณิชย์หวังตัดหน้า PromptPay ที่จะบังคับใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทีมวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง หรือ MBKET เปิดเผยว่า เราประเมินว่า การยกเลิกค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต จะทำรายได้ของธนาคารไทยในปี 2561 ลดลงเพียง 0.7-1.3% เท่านั้น
ขณะที่ KBANK จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด แต่รายได้น่าจะลดลงไม่มาก แม้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร จะมีการปรับฐานในช่วงที่ผ่านมา แต่มูลค่ายังไม่น่าสนใจพอ แนะนักลงทุนเลือกหุ้นให้ดี ในมุมมองของเรา เรายังคงมุมมองเป็นกลาง ขณะที่หุ้นเด่น ยังคงเป็น BBL และ TISCO
“ธนาคารจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านมือถือ และอินเทอร์เน็ต ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ได้แก่ SCB, KBANK, BBL, KTB จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงิน และชำระเงิน ผ่านแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต เป็นการชิงลงมือก่อนที่ PromptPay จะบังคับให้ทำในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ว่าการยกเว้นค่าธรรมเนียมจะมีผลกระทบต่อรายได้ในระยะสั้น แต่ big data จะช่วยให้ธนาคารเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น หวังว่าจะสร้างรายได้ที่สูงขึ้นผ่านการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น ในระยะกลาง ผลกระทบเฉลี่ยเพียง 1% เท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ พักฐานลง 2% เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) สะท้อนความกังวลในประเด็นการยกเว้นค่าธรรมเนียม ซึ่งเรามองว่า เกินกว่าเหตุ เพราะการโอนเงินภายใต้ PromptPay ไม่มีค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว และการยกเว้นค่าธรรมเนียม จะมีผลต่อช่องทางมือถือ และอินเทอร์เน็ตเท่านั้น เราคาดว่า รายได้ค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรม (ประมาณ 2-8% ของรายได้จากการดำเนินงาน) จะลดลง 10% จากปี พ.ศ. 2560 ซึ่งส่งผลต่อกำไรขั้นต้นเพียง 0.7-2.5% เท่านั้น
ทั้งนี้ มูลค่ายังไม่น่าสนใจ คงมุมมองเป็นกลาง NEUTRAL ในมุมมองของเรา การที่ราคาหุ้นพักฐานล่าสุดไม่ได้ทำให้มูลค่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยราคาหุ้นซื้อขายกันที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/BV 10 ปี แต่ ROE อ่อนตัวลง (ROE ปี 2561 = 10.4% เทียบกับค่าเฉลี่ย 11.4% ในรอบ 10 ปี) ดังนั้น เราแนะนำให้เลือกตัวเล่น โดยเน้นธนาคารที่สามารถเติบโตทั้งแบบจากภายใน และแบบผ่านการเข้าซื้อ และควบรวมกิจการ เช่น BBL และ TISCO ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ควรทยอยเข้าเก็บ