xs
xsm
sm
md
lg

สงครามการค้าผลักดันทองคำดีดตัวสวนทางตลาดหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ราคาทองคำอยู่ในโมเมนตัมเชิงบวกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน กดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกอ่อนตัว อีกทั้งได้รับแรงสนับสนุนหลังนักลงทุนคลายความกังวลเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ถึง 4 ครั้ง จับตาแรงซื้อ 1,355 เหรียญ/ออนซ์ หากผ่านไม่ได้แนะนำแบ่งทองคำออกขาย และหากไม่หลุด 1,318 เหรียญ/ออนซ์ โมเมนตัมยังเป็นบวก


"วรุต รุ่งขำ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงภาพรวมราคาทองคำที่ผ่านมาว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มหรือโมเมนตั้มในเชิงบวก หรือกลับมาทะยานขึ้นอย่างชัดเจน ตอบรับในส่วนของผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีการส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงมีการปรับขึ้นอั้ตราดอกเบี้ยภายในปีนี้เพียงแค่ 3 ครั้ง ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับเร่งอัตราดอกเบี้ยขึ้นของเฟด ขณะที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มสงครามการค้า ซึ่งอาจจะส่งผลเชิงลบ ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามทองคำยังคงได้รับแรงหนุนเพิ่มมากขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีการส่งสัญญาณในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังคงมีส่วนในการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่บริหารภายในคณะกรรมการของประธานาธิบดี สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลเชิงลบต่อแนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับฐานลงและส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมีการขยับขึ้น

"แม้จะปรับขึ้น แต่ราคาทองคำเริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง หลังจากสภาครองเกรซมีการอนุมัติในส่วนของการร่างงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาการปิดทำการของหน่วยงานภาครัฐ ขณะที่งบประมาณดังกล่าวส่งผลให้สหรัฐฯมีงบประมาน หรือหลีกเลี่ยงไปได้จนถึงปลายปี หรือสิ้นเดือนกันยายนปีนี้"

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา อาจจะต้องจับตาท่าทางการตอบโต้กันระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ว่าจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นหรือไม่ ซึ่งหลังจากทางการจีนมีการประกาศว่าจะมีการเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เพื่อเป็นการตอบโต้มาตราการดังกล่าว ต้องขึ้นอยู่กับว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับจีนว่าจะสามารถตกลง หรือยุติสงครามการค้าได้เร็วมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้หากสถานการณ์ดังกล่าวรุนแรงตึงเครียดมากขึ้นอาจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐฯ หุ้นยุโรป และตลาดหุ้นอื่นๆปรับฐานลง ถือเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่มาหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม

"สัปดาห์นี้ยังมีการประชุมนโยบายการเงินของประเทศไทย หรือ กนง. ซึ่งคาดว่า กนง.น่าจะตึงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมที่ระดับ 1.5% ซึ่งการตึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงยังเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ทำให้ทิศทางของค่าเงินบาทยังคงมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง และสถานการณ์ป้จจัยดังกล่าวยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทิศทางราคาทองคำขยับขึ้นได้น้อยกว่าราคาทองคำในต่างประเทศ ทั้งนี้ให้นักลงทุนควรติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ โดยเฉพาะการประมาณการครั้งสุดท้ายของตัว GDP ประจำไตรมาส 4 ปี 2017 ซึ่งจะสะท้อนทิศทางเศรษฐกิจความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ ที่ชัดเจนมากขึ้น ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลหรือตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปในจะมีการประกาศขึ้นมาเร็ว 1 ชั่วโมงหากเทียบเวลาประเทศไทย นอกจากนี้ตลาดเงินตลาดทุนในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯติดช่วงเทศกาล อาจจะทำให้ปริมาณการซื้อขายทองคำเบาบางลงในช่วงปลายสัปดาห์"

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน YLG ให้แนวรับบริเวณ 1,318/1,302/1,287 เหรียญ/ออนซ์ แนวต้านประเมินไว้บริเวณ 1,355/1,376/1,392 เหรียญ/ออนซ์ แนวโน้มการลงทุน แม้ราคาทองคำจะมีแนวโน้มทิศทาง หรือโมเมนตั้มกลับมาเป็นบวกมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นในส่วนของแรงขายทำกำไรสลับออกมา ประกอบกับในส่วนของแนวต้านบริเวณ 1,355-1,376 เหรียญ/ออนซ์ เป็นระดับสูงสุดในช่วงปีที่ผ่านมา ดังนั้นราคาทองคำจึงถือว่าไม่ได้อยู่ในระดับถูก ให้นักลงทุนจับตาดูราคาทองคำว่าจะมีแรงซื้อให้ผ่านบริเวณ 1,355 เหรียญ/ออนซ์ ได้หรือไม่ หากไม่ผ่านอาจจะมีการแบ่งทองคำออกขายบางส่วน ขณะที่ในส่วนของการเข้าซื้ออาจจะใช้ในส่วนโซนแนวรับบริเวณ 1,325-1,318 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งหากราคาไม่หลุดโซน 1,318 เหรียญ/ออนซ์ แนวโน้มหรือโมเมนตั้มยังคงเป็นบวกเช่นเดิม จึงแนะนำเน้นให้ทำกำไรระยะสั้น และจับตาดูราคาทองคำซึ่งหากสามารถผ่านแนวต้านแนว สามารถชะลอไปขายแนวต้านถัดไป
 



กำลังโหลดความคิดเห็น