ยูไนเต็ด พาวเวอร์ ออฟ เอเชีย เซ็นรับ PPA เข้าลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มของสหกรณ์ผู้ผลิตและผู้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์กระแสสินธิ์ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 5 MW พร้อมทั้งส่งบริษัทลูก “อันดามันเพาเวอร์ฯ” เข้าลงทุน 100% ใน “พาราโบลิก โซลาร์ พาวเวอร์” เข้าลงทุนในโครงการสหกรณ์ 3 แห่ง และได้รับ PPA จาก กกพ. ผู้บริหารเผยเริ่มขายไฟ ก.ย. 61 นี้ เตรียมฟื้นตัวหลังธุรกิจพลังงานสร้างรายได้เติบโตมั่นคง
นายอุปกิต ปาจรียางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด พาวเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติรับทราบการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในฐานะ “ผู้สนับสนุนโครงการ” ซึ่งจะดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร พ.ศ. 2560 ของสหกรณ์ผู้ผลิตและผู้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ อำเภอกระแสสินธิ์ จำกัด กำลังการผลิตติดตั้ง 5.0 เมกะวัตต์ ในอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่ 4.12 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 25 ปี และให้บริษัท อันดามันเพาเวอร์ แอนด์ ยูทิลิตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนเข้าลงทุนในบริษัทที่เป็น “ผู้สนับสนุนโครงการ” ของโครงการสหกรณ์การเกษตรวิเชียรบุรี จำกัด ขนาดกำลังการผลิต 1.75 เมกะวัตต์ และโครงการสหกรณ์การเกษตรกะทูน จำกัด ขนาดกำลังการผลิต 1.20 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร พ.ศ. 2560 กำลังการผลิตติดตั้ง รวม 2.95 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้อนุมัติคำร้องและข้อเสนอขายไฟแล้ว พร้อมกันนี้ มีการเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เรียบร้อยแล้ว การเข้าลงทุนดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มขอบข่ายการดำเนินธุรกิจทางด้านธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้เพิ่มเติมตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้ โดยหากในอนาคต บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจนี้ได้มากขึ้นและสามารถใช้ทรัพยากรส่วนกลางร่วมกันได้ จะทำให้เกิดการประหยัด เนื่องจากขนาด (Economies of Scale) ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจโดยรวมของบริษัทฯ อีกทั้งการเข้าทำรายการเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อบริษัทฯ โดยช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพในการแข่งขันการดำเนินธุรกิจ และสร้างรายได้ในอนาคตให้แก่บริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง
“นับเป็นจุดสตาร์ทสู่การเทิร์นอะราวนด์อย่างโดดเด่นสำหรับ UPA เพราะทีมบริหารลงมือทำงานอย่างจริงจัง จนกระทั่งนำมาสู่การได้รับ PPA จาก กกพ. สามารถที่จะจำหน่ายไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ฟาร์ม ทั้ง 3 โครงการรวม 7.95 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนกันยายน 61 และจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป ดังนั้น จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว มีพื้นฐานที่แข็งให้แข็งแกร่งขึ้น ในอนาคต จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อีกด้วย” นายอุปกิต กล่าว