“บีอีซี เวิลด์” หรือ “ช่อง 3” กำไรสุทธิปี 60 วูบ 95% เหลือ 61 ล้านบาท จาก 1.2 พันล้านในปี 2559 บริษัทชี้แจงสาเหตุ จากค่าใช้จ่ายครัวเรือนหดตัวฉุดเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมลดลง กระทบการขายโฆษณา อีกทั้งต้นทุนการผลิตรายการและถ่ายทอดสดพุ่ง ฉุดกำไรขั้นต้นลดฮวบ 64%
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC แจ้งผลดำเนินงานประจำปี 2560 แก่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัท 61.012 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.03 บาท ลดลง 95% จากผลดำเนินงานปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 1,218.29 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.61 บาท
เหตุผลที่กำไรสุทธิลดลงมาก บริษัทชี้แจงว่า เกิดจากการจับจ่ายของครัวเรือนที่ชะลอตัวได้ส่งผลต่อเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมมีการหดตัวในปีที่ผ่านมา และได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทีวี โดยนีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช (Nielsen) รายงานตัวเลขเม็ดเงินโฆษณารวม (AdEx) ในปี 2560 อยู่ที่ 101,445 ล้านบาท ลดลง 6% หรือ 6,478 ล้านบาท 107,923 ล้านบาทในปี 2559
สำหรับรายได้รวมของกลุ่ม BEC ในปี 2560 อยู่ที่ 11,035 ล้านบาท ลดลง 10% จากปี 2559 ที่ 12,265.8 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 3,062.8 ล้านบาท รวมถึงมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นในงบดุลรวมจำนวน 1,201.4 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ในปี 2560 อยู่ที่ 9,890.2 ล้านบาท ลดลง 11.3% จากปี 2559 ที่ 11,151.2 ล้านบาท ตามเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมของตลาดที่มีการหดตัว 6% และจากความต้องการใช้เงินซื้อเวลาโฆษณาของผู้ลงโฆษณาที่ลดลงจึงทำให้จำนวนนาทีโฆษณาของ “ช่อง 3” ที่ขายได้น้อยลง
อย่างไรก็ตาม รายได้หลักจากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC นั้น ยังคงเป็นรายได้หลักถึง 89.6% ขณะที่รายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นในปี 2560 อยู่ที่ 618.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% จากปี 2559 ที่ 541.2 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจสื่อใหม่ ขณะที่รายได้จากการจัดคอนเสิร์ต และการแสดงนั้น ก็มีรายได้ลดลงเล็กน้อย 3.4%
ขณะที่ตัวเลขค่าใช้จ่ายในปีที่ผ่านมาว่า พบว่า BEC มีค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการและต้นทุนการถ่ายทอดกีฬาเพิ่มขึ้น 425.20 ล้านบาท หรือ 7.8% มาอยู่ที่ 5,910.70 ล้านบาท จากปี 2559 ที่มีค่าใช้จ่าย 5,485.5 ล้านบาท ทำให้ต้นทุนรวมของกลุ่มเพิ่มขึ้นเป็น 9,176.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% จากปี 2559 ที่มีค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม 8,796.30 ล้านบาท แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ กำไรขั้นต้นในปี 2560 พบว่า บริษัทมีกำไรขั้นต้น 1,858.20 ล้านบาท ลดลง 46.40% จากปี 2559 และมีอัตรากำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 16.80%
นอกจากนี้ จากข้อมูลของ “นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช” ยังพบว่า การลดลงที่น่าสนใจ คือ การลดลงในกลุ่มหนังสือพิมพ์ กลุ่มนิตยสาร และกลุ่มวิทยุ รวมกันลดลง 3,921 ล้านบาท หรือ 22% ขณะที่ช่องรายการโทรทัศน์ในระบบดาวเทียมและสายเคเบิล และช่องรายการโทรทัศน์อนาล็อกรวมกัน ปรับตัวลดลง 6,722 ล้านบาท หรือ 13% แต่ช่องรายการโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (TV Digital) เติบโตขึ้น 1,514 ล้านบาท หรือ 7.4%