ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง เผยปี 60 รายได้แตะ 1 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 672 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 208.10 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 201.17 ล้านบาท สำหรับปี 61 รับอานิสงส์โรงไฟฟ้าชีวมวล 6 แห่ง เดินเครื่องฉลุย วางเป้ารายได้ขยายตัว 30% จากปีก่อน ใจป้ำปันผลหุ้นละ 0.0563 บาท
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2560 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 672 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 208.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 201.17 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากการเดินเครื่องจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD อยู่จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB), โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE), โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP), โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG), โรงไฟฟ้าชีวมวล พัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์
“บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ในระหว่างก่อสร้างอีกทั้งสิ้น 49 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาอีกทั้งสิ้น 10 เมกะวัตต์ รวมโครงการทั้งสิ้น 119 เมกะวัตต์ ส่วนกำลังการผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 ปัจจุบันก็ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนรายได้ก็เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน” นางกนกทิพย์ กล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.0563 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียน เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 8 เดือนพฤษภาคม 2561 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแผนที่จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปัจจุบัน และอนาคต รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และผู้ถือหุ้นอีกด้วย
ด้าน บล. ฟินันเซีย ไซรัส ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น TPCH โดยระบุว่า ราคาหุ้น Underperform ซึ่งสะท้อนกำไรสุทธิปีก่อนที่พลาดเป้า รวมทั้งผลกระทบจากค่าใช้จ่ายพิเศษ แต่คาดว่าในช่วง 2 ปีข้างหน้า ผลประกอบการจะสดใส นอกจากนี้ ยังคาดว่า PE ในปีนี้จะลดลงเหลือ 16 เท่า และ 11 เท่า จากปีก่อนที่ 24 เท่า จึงแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 20 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะร่วมประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้า VSPP Semi-Firm จากโควต้ารับซื้อทั้งหมด 280 เมกะวัตต์ และมีโอกาสผ่านคุณสมบัติโครงการรับซื้อไฟฟ้าขยะ 8 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าทางการจะประกาศผลในต้นไตรมาส 2/2561 ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ