แกรนด์ยูนิตี้ รับอานิสงส์รถไฟฟ้าสายสีเขียว ตลาดคอนโดฯ ย่านลาดพร้าว-พหลโยธินฮอต ลุยเปิด “เซียร่า ศรีปทุม” มูลค่ากว่า 2,700 ล้านบาท
นายสิริพงษ์ ศรีสว่างวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ระบบโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐได้มีการลงทุนเพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายในสายต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ และตลาดอสังหาริมทรัพย์เช่นในทำเลกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ที่เชื่อว่าในอนาคตจะเป็นทำเลย่านธุรกิจแห่งใหม่ เนื่องจากมีระบบคมนาคมที่สะดวกจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายและสายสีแดงที่สามารถเชื่อมต่อไปยังแอร์พอร์ตลิงก์ และยังใกล้สนามบินดอนเมือง ทำให้เชื่อหลังการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้วเสร็จ คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากเดิมที่โตปีละ 8-10%
นอกจากนี้ ยังพบว่าซัปพลายคอนโดที่เปิดขายบนถนนพหลโยธินนับตั้งแต่แยกลาดพร้าวถึงบางบัวที่เปิดตัวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีประมาณ 10 โครงการ จำนวนไม่ถึง 10,000 ยูนิต และส่วนใหญ่มีอัตราการขายแล้วกว่า 60-70% ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับโซนอื่น ๆ นอกจากนี้ ที่ดินในโซนนี้ยังหายาก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นที่ดินของราชการ ทำให้คอนโดฯ เปิดตัวเข้าสู่ตลาดมีจำนวนไม่มาก
จากศักยภาพของทำเลทำให้บริษัทได้ลงทุนพัฒนา โครงการ “เซียล่า ศรีปทุม” ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลติดรถไฟฟ้าสถานีศรีปทุม เป็นคอนโดมิเนียมสูง 28 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พัฒนาบนพื้นที่กว่า 6 ไร่ จำนวน 900 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,700 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณเดือน ก.ย. ปี 2562 อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมเปิดจองอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 มี.ค. นี้
นายสิริพงษ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทได้มีการปรับแผนกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการใหม่ โดยมุ่งเน้นไปยังทำเลติดรถไฟฟ้า รวมไปถึงมีแผนเข้าไปพัฒนาโครงการสู่ตัวเมืองชั้นในมากขึ้น เพื่อโอกาสทางการสร้างแบรนด์ และก้าวสู่ตลาดใหม่ ๆ พร้อมกับการขยายฐานผลิตภัณฑ์ของให้บริษัทให้กว้างอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรก บริษัทจะพัฒนาภายใต้แบรนด์ “เซียร่า”
ส่วนอัตราการปล่อยเช่าในทำเลดังกล่าว อยู่ที่ประมาณ 9,000-10,000 กว่าบาทขึ้นไป ซึ่งให้ผลอัตราตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีจำนวนซัปพลายเกิดใหม่ค่อนข้างมากอยู่ที่ประมาณ 10 โครงการ รวมจำนวนไม่ถึง 10,000 ยูนิต อัตราการดูดซับอยู่ที่ประมาณ 60-70% ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ระดับราคาขายอยู่ที่ประมาณ 140,000-160,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป