xs
xsm
sm
md
lg

“โมเดอร์นฟอร์ม” ปรับโมเดลธุรกิจสู่โฮลดิ้งคอมพานี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โมเดอร์นฟอร์ม รองรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ขาลง รุกปรับโมเดลธุรกิจสู่ “โฮลดิ้งคอมพานี” ขยายไลน์การลงทุนสู่ธุรกิจสุขภาพ โรงพยาบาล และเครื่องมือแพทย์ คาดไม่เกิน 3-5 ปี สัดส่วนรายได้จาการลงทุนแตะ 50% พร้อมดันฟินเทคหน้าใหม่ ตอบโจทย์ทุกปัญหาการเงิน พร้อมลุยเทคโนโลยีบล็อกเชน

นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN กล่าวถึงแผนธุรกิจในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าว่า โมเดอร์นฟอร์ม จะไม่หยุดอยู่แค่ในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นบริษัทโฮลลิ้ง (Holding Company)ขยายการลงทุนในหลายๆกิจการที่มีโอกาสเติบโตสูง เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ การรักษาพยาบาล อาหารเสริม ซึ่งบริษัท IHL ที่เราไปลงทุนกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนในเกรดอุตสาหกรรม และเกรดอาหารในเชิงพาณิชย์ และได้ลงทุนเพิ่มในบริษัทลูกของโมเดอร์นฟอร์ม เฮล์ทแอนด์แคร์ เพื่อขยายงาน โดยได้ลงทุนร่วมกันในบจ.ยูไอซีซี ส่วนธุรกิจอื่น ๆ ก็ได้เข้าศึกษา เช่น ธุรกิจ High-tech โดยคาดว่าในอนาคต สัดส่วนรายได้จากการลงทุนจะขยับเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ประมาณ 30%

โมเดลธุรกิจใหม่จะเสริมธุรกิจหลักเฟอร์นิเจอร์ของโมเดอร์นฟอร์ม เนื่องจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราเห็นผลที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่จะเหมือนกับธุรกิจสิ่งทอที่เข้าสู่ซันเซ็ต ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ แม้แต่รัฐบาลยังระบุเป็นอุตฯ ที่น่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่เราทำได้ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ คือ การเพิ่มประสิทธิภาพ เราทำได้ ส่งผลให้ฐานรายได้ในปีที่ผ่านมาดี หรือแม้แต่การเข้าสู่ธุรกิจสุขภาพ ผ่านบริษัท โมเดอร์นฟอร์มเฮล์ทแอนด์แคร์ จำกัด (MHC) ก็มีส่วนส่งเสริมรายได้ให้กับบริษัท ตามแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดเอ็ม เอ ไอ ทั้งนี้ รูปแบบลงทุนใหม่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของโมเดอร์นฟอร์มให้ก้าวหน้า ทันต่อสถานการณ์โลกอย่างสม่ำเสมอ ส่วนในอนาคต สัดส่วนรายได้จาการลงทุนจะเพิ่มเป็น 70% หรือไม่ ต้องมาดูกัน ตอนนี้ก็มีหลายธุรกิจมาเสนอกับเรา ไม่ว่าจะเป็นไฟแนนซ์ โรงแรม แต่ทุกอย่างเราต้องดู

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2561 จะมุ่งเน้นไปยังดิจิตัล โดยได้มีการนำวิวัฒนาการทางด้าน Digital Transformation เข้ามาประยุกต์ใช้กับการบริหารการจัดการ ล่าสุด บริษัทได้ตัดสินใจเข้าลงทุนเกี่ยวกับ “เทค สตาร์ทอัพ คัมพานี” ในสัดส่วน 10% กับ “ฟินสตรีท” (FIN$TREET) เพื่อร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มการให้ข้อมูลลูกค้า ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจ และเป็นผลดีที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ต่าง ๆ

“แพลตฟอร์ม “ฟินสตรีท” เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาหนี้อย่างเป็นระบบ สร้างความแตกต่างโดยใช้ “แชตบอท” (Chatbot) เป็นตัวแทนให้คำปรึกษาทางการเงินในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทำให้มีข้อมูลความรู้วิ่งผ่านแพลตฟอร์มอย่างมหาศาล ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ให้คนไทยได้ใช้เป็นที่แรกในโลก ซึ่งโอกาสทางธุรกิจของ “ฟินสตรีท” เริ่มมาจากข้อจำกัดเกี่ยวกับเรื่องการให้ยืมเงิน หรือการปล่อยกู้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงของธนาคารและสถาบันการเงิน” นายทักษะ กล่าว

สำหรับกลยุทธ์โดยการเจาะตลาดผ่านดิจิทัล บน “ฟินสตรีท และ เฟซบุ๊ก” จะช่วยสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีการแชร์ต่อร่วมกันกว่า 100,000 แชร์ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการของฟินสตรีทเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดกว่า 10 เท่าตัวในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันมีฐานผู้ใช้งานกว่า 130,000 คนบนเฟซบุ๊ก และได้เริ่มเปิดใช้งานในช่วงเดือน มี.ค. นี้ โดยใช้ระบบเก็บข้อมูลประวัติการรับบริการผ่านเทคโนโลยีบล๊อกเชนอีกด้วย.


กำลังโหลดความคิดเห็น