กระทรวงการคลัง เผยยอดขอดำเนินกิจการพิโกไฟแนนซ์จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2561 มี 279 ราย เปิดดำเนินการแล้ว 159 ราย และปล่อยสินเชื่อแล้ว 114 ราย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 8,561 บัญชี รวมเป็นเงิน 218.97 ล้านบาท
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบประจำเดือนมกราคมที่ผ่านมา ว่า ในส่วนสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ที่กระทรวงการคลัง เปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2561 มีนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตทั้งสิ้น 441 ราย ใน 66 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา 45 ราย กรุงเทพมหานคร 34 ราย และร้อยเอ็ด 28 ราย แต่มีจำนวนที่คืนคำขออนุญาตทั้งสิ้น 48 ราย ใน 28 จังหวัด จึงมีนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตสุทธิ 393 ราย ใน 64 จังหวัด และมีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว 279 ราย ใน 60 จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้ได้เปิดดำเนินการแล้ว 159 ราย ใน 49 จังหวัด และมีผู้ประกอบการที่ปล่อยสินเชื่อแล้ว 114 ราย ใน 45 จังหวัด โดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตสามารถปล่อยสินเชื่อได้ภายในเขตจังหวัดให้แก่ผู้มีภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ภายในจังหวัดนั้นๆ วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี (Effective Rate)
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 8,561 บัญชี รวมเป็นเงิน 218.97 ล้านบาท หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 25,577.85 บาทต่อบัญชี ประกอบด้วย สินเชื่อแบบมีหลักประกัน 4,348 บัญชี เป็นเงิน 136.16 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62.18 ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 4,213 บัญชี เป็นเงิน 82.81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.82 ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างรวมมีทั้งสิ้น 3,592 บัญชี คิดเป็นเงิน 73.66 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อที่ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน มีจำนวน 209 บัญชี คิดเป็นเงิน 4.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.69 ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม และมีสินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน (NPL) จำนวน 42 บัญชี คิดเป็นเงิน 1.50 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.04 ของสินเชื่อคงค้างรวม
สินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อนุมัติสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินให้เป็นทางเลือกของประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบแทนหนี้นอกระบบ รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.85 ต่อเดือน โดยได้เร่งกระจายความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดังกล่าวแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2561 มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 223,830 ราย เป็นเงิน 9,915.60 ล้านบาท จำแนกเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 209,857 ราย เป็นเงิน 9,307.51 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติแก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 ที่มีหนี้นอกระบบ จำนวน 13,973 ราย เป็นเงิน 608.09 ล้านบาท
ส่วนการดำเนินการอย่างจริงจังต่อเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงกวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบ และผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการสะสมนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 เป็นต้นมา ถึง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2561 มีการจับกุมผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 2,061 คน