ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ เผยผลการดำเนินงานงวดปี 2560 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ (ธุรกิจน้ำ) 1,633.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้เป็นเจ้าของของบริษัทใหญ่ 1,980.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 436.1% จากความต้องการใช้น้ำเติบโตเพิ่มขึ้น หลังเดินเครื่องโรงไฟฟ้า 4 แห่ง ด้าน CEO “วิเศษ จูงวัฒนา” เผยปี 2561 ตั้งเป้าการเติบโตธุรกิจ เร่งเดินหน้าลงทุน ไฟฟ้า-น้ำ-จำหน่ายและค้าปลีกก๊าชธรรมชาติ-พลังงานทางเลือก สอดรับยุทธ์ศาสตร์กลุ่มธุรกิจ WHA Group
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2560 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทฯมีรายได้จากการขายและการให้บริการ (ธุรกิจน้ำ) 1,633.8 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (ธุรกิจพลังงาน) 1,936.1 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้เป็นเจ้าของของบริษัทใหญ่ 1,980.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,611.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 436.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับอัตราผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น หลังจากเปิดดำเนินการ COD โรงไฟฟ้าครบ 4 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ วีทีพี, โครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 1, โครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 2 และโครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 3 ในช่วงเดือนพฤษภาคม. กรกฎาคม. กันยายน และพฤศจิกายน ปี 2560 ที่ผ่านมา ตามลำดับ ณ สิ้นปี 2560 บริษัทมีกำลังการผลิตตามสัญญาตามสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 478.3 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก จำนวน 64.5 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งหมดภายในปี 2562
นอกจากนี้ ธุรกิจสาธารณูปโภคมีการเติบโตเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้น้ำของกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมที่ WHAUP ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวให้เป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำดิบ น้ำเพื่ออุตสาหกรรมและให้บริหารจัดการน้ำเสียครอบคลุมพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมฯ และเขตประกอบการอุตสาหกรรมฯ ของกลุ่มดับบลิวเอชเอ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผล
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.2034 บาท คิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 778,005,000 บาท โดยเสนอให้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม 2561 ซึ่งเป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม 2561 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) กล่าวเพิ่มว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตจากแผนการขยายการลงทุนทั้งในธุรกิจโรงไฟฟ้า สาธารณูปโภค และโครงการที่ต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ปริมาณการขายน้ำจะเพิ่มขึ้นประมาณ 13% หรืออยู่ที่ระดับ 113 ล้านลูกบาศก์เมตร จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 4 ที่มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 31.3 เมกะวัตต์ ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา รวมถึงความต้องการใช้น้ำของลูกค้าในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน 3 โครงการ กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 64.5 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2561-2562 จำนวน 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้า SPP ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกัลฟ์ เอ็มพี และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม VSPP ซึ่ง WHAUP จะลงทุนผ่านบริษัทย่อย ภายใต้ บริษัท ชลบุรี คลีนเอ็นเนอร์ยี จำกัด (CCE) โดยเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มโกลว์ และสุเอซ และอีก 1 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดับบลิวเอชเอ กม. 3 โซลาร์ ซึ่งจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสแรกปี 2561
ส่วนแผนการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช (NGD) นั้น นายวิเศษ กล่าวว่า โครงการ ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 2 คาดว่า การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ และพร้อมจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้ลูกค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ภายในไตรมาส 3/2561 นี้ ขณะที่โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 4 นั้น หลังจากที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2562