บล. โกลเบล็ก มองหุ้นไทยขายรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บวกกับ สนช. ผ่านร่าง พ.ร.บ. EEC เรียบร้อยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนมากขึ้น มองดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,760-1,820 จุด แนะลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยรองรับ ด้านราคาทองคำคาดอ่อนตัวลง เหตุจีนอยู่ในช่วงวันหยุดยาว แนะนำซื้อกลับเมื่อราคาทองคำต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะภายหลังประธานาธิบดีทรัมป์ เตรียมเปิดเผยโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อฟื้นฟูสาธารณูปโภคภายในประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อีกทั้งปัจจัยหนุนในประเทศจากที่ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ล่าสุด ที่ประชุม สนช. ผ่านร่างกฎหมายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) สร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น และคาดว่าที่ประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 14 ก.พ. จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 1.50% เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ
ส่วนปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ คือ การรายงายตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นหนุนกระแสคาดการณ์ว่า Fed อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น และถี่กว่าที่คาดการณ์กันไว้เมื่อต้นปี ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงจากความกังวลอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นน้ำมันที่ราคาได้ปรับขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ และตัวเลข fund flow ที่ยังผันผวน โดยในช่วง 1 เดือนย้อนหลัง นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตา วันที่ 14 ก.พ. 2561 จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และในส่วนอียู มีกำหนดเปิดเผย GDP ไตรมาส 4/2560 รวมทั้งสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีก รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ม.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ธ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ส่วนในวันที่ 15 ก.พ. สหรัฐฯ จะเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีภาคการผลิตเดือน ก.พ. ดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI) และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. และวันที่ 19 ก.พ. สภาพัฒน์จะแถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 4/60
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,760-1,820 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก เช่น หุ้น TVO ได้ประโยชน์จากราคากากถั่วเหลืองปรับขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการกว่า 7% หุ้น GPI คาดผลการดำเนินงานปี 61 เติบโตอย่างน้อย 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการปรับขึ้นค่าเช่าใช้บริการ และยังคาดหวัง Upside ส่วนเพิ่มในประมาณการจากโอกาสในการเป็นผู้จัดงาน Motor Show ในประเทศพม่า และงาน Air Race 1 ครั้งที่ 3
รวมทั้งหุ้น AMATA, WHA, QH, ORI, EASTW และ ATP30 หุ้นได้ประโยชน์จาก พ.ร.บ. อีอีซี ที่จะประกาศใช้เร็ว ๆ นี้ และหุ้น AIT และ ITEL กสทช. เตรียมประมูลเน็ตชนบทเดือน ก.พ. 61
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ shutdown ซ้ำแล้วซ้ำอีกในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ตลาดหุ้นพากันทำ historical high แต่ระดับกำไรบริษัทจดทะเบียนไม่สามารถไล่ตามได้ทันในเวลาอันสั้น ทำให้นักลงทุนเป็นกังวลต่อการถือสินทรัพย์เสี่ยง และเลือกที่จะเทขายทำกำไรออกมาทันทีที่มีข่าวลบแม้เพียงเล็กน้อย ตลาดการเงินโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงมีความผันผวนสูงมากเมื่อเทียบกับในช่วงปกติ โดยมีสาเหตุจากการปรับฐานของตลาดหุ้นนิวยอร์ก
สำหรับสัปดาห์นี้ คาดว่าราคาทองคำจะรีบาวนด์กลับขึ้นไปได้ไม่มากนัก เนื่องจากแนวโน้มหลักกลับเข้าสู่ขาลง และประเทศจีนจะหยุดยาวจนถึงกลางสัปดาห์หน้า เนื่องในเทศกาลตรุษจีน นักลงทุนจึงควรระมัดระวังแรงขาย รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทจะเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำในประเทศอีกต่อหนึ่ง จึงคงคำแนะนำให้พอร์ตระยะกลางถึงยาวรอจังหวะเข้าทำ Dollar Cost Average เมื่อระดับราคาลงต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ