xs
xsm
sm
md
lg

TerraBkk เผยผลสำรวจ Gen Y สนซื้อทาวน์โฮมราคา 1.5-3 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สุมิตรา วงภักดี
TerraBKK เผยพฤติกรรมคน Gen Y ที่เข้าใช้งานเว็บไซต์ค้นหาบ้านกว่า 51% ค้นหาทาวน์โฮมราคา 1.5-3 ล้านบาท เชื่อปี 61 ตลาดทาวน์โฮมมาแรง พร้อมแนะผู้ประกอบการปรับตัวรับกำลังซื้อ

นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ เว็บไซต์ TerraBKK.com เปิดเผยภายในงานสัมมนา “ไขรหัสลับคน “Gen Y” จุดเปลี่ยนอสังหาฯ 4.0” จัดโดยเว็บไซต์ TerraBKK.com ว่า จากผลสำรวจพฤติกรรมคน Gen Y และพฤติกรรมการค้นหาบ้านของผู้ใช้งานเว็บไซต์ TerraBKK.com พบว่า ผู้ใช้งานในกลุ่ม Gen Y ที่ค้นหาข้อมูลบ้านมือสอง และโครงการใหม่ ส่วนใหญ่กว่า 51% ค้นหาทาวน์โฮม ราคา 1.5-3 ล้านบาท ทำเลสมุทรปราการ/ลาดพร้าว-บางกะปิ/แจ้งวัฒนะ-ดอนเมือง, รองลงมา เป็นบ้านเดี่ยว 34% ราคา 3-6.5 ล้านบาท ทำเลจตุจักร-ประชาชื่น/ตากสิน-ธนบุรี/แจ้งวัฒนะ-ดอนเมือง

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ประเมินได้ว่า ในปีนี้ตลาดทาวน์โฮม ราคา 1.2-2.3 ล้านบาท จะได้รับความนิยมจากคน Gen Y มากกว่าคอนโดมิเนียมในระดับราคาเดียวกัน เนื่องจากคน Gen Y ส่วนใหญ่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ส่วนตัว และไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมือง แต่ยังสามารถเดินทางเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าปีนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายบริษัท ปรับกลยุทธ์ วางแผนพัฒนาโครงการทาวน์โฮม บริเวณเมืองรอบนอกมากขึ้น และคาดว่าปีนี้ตลาดทาวน์โฮมจะครองส่วนแบ่งตลาดสัดส่วนราว 30%

อย่างไรก็ตาม นอกจากการปรับสินค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย การสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ แตกต่าง และเป็นที่จดจำ คือ เรื่องที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายเล็ก และรายใหญ่ ไม่ควรมองข้าม และต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ

ด้าน ดร. วสุพล ตรีโสภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยู รีเสิร์ช จำกัด กล่าวว่า ผลสำรวจพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์คน Gen Y อายุระหว่าง 25-37 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดแรงงาน และเริ่มมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัย จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 500 คนที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า คน Gen Y กว่า 54% ยังไม่คิดจะซื้อที่อยู่อาศัยในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีรายได้อยู่ระหว่าง 18,000-35,000 บาทต่อเดือน และยังไม่มีเงินเก็บที่เพียงพอ เพราะปัจจุบันมีภาระหนี้จากบัตรเครดิต ผ่อนรถยนต์แต่ละเดือนอยู่ในระดับสูง

ขณะที่ 46% มีความคิดเรื่องการซื้อที่อยู่อาศัยภายใน 3 ปี โดย 57% อยากซื้อบ้านเดี่ยว, รองลงมา เป็น ทาวน์โฮม 48.7%, คอนโดมิเนียม 30.7% และ บ้านแฝด 15.8%

ทั้งนี้ จากการสำรวจสามารถจัดคน Gen Y ได้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. Smart Choice: วางแผนการเงินเพื่อสร้างครอบครัวใหม่ ชื่นชอบเทคโนโลยี 2. Peace in Mind: กังวลเรื่องในอนาคต เอกลักษณ์ส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ 3. WE Oriented: คำนึงถึงภาพลักษณ์ทางสังคม และคนในครอบครัว และ 4. Quality Seekers: ความมั่งคั่งเป็นเป้าหมายในชีวิต ใส่ใจในทุกรายละเอียด

จากผลสำรวจทั้ง 4 กลุ่มนี้พบว่า กลุ่ม Smart Choice มีแนวโน้มในการซื้อที่อยู่อาศัยในอีก 3 ปีข้างหน้ามากที่สุด เพราะต้องการมีที่อยู่อาศัยของตัวเอง เพื่อแยกครอบครัว และวางแผนมีลูกในอนาคต ประเภทที่สนใจซื้อ 3 อันดับแรก ได้แก่ บ้านเดี่ยว 40%, ทาวน์โฮม 26% และคอนโดฯ 17% และตั้งงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัย 3 อันดับแรก ได้แก่ 1-2 ล้านบาท อยู่ที่ 40%, 2-3 ล้านบาท อยู่ที่ 30% และ 3-5 ล้านบาท อยู่ที่ 20%

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า Gen Y ส่วนใหญ่กว่า 95% เห็นว่า แบรนด์มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย โดย 3 อันดับแรกที่ผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์คน Gen Y มากที่สุด ได้แก่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, พฤกษา และ แสนสิริ

สำหรับสื่อที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของคน Gen Y 5 อันดับแรก ได้แก่ คำแนะนำจากคนใกล้ชิด 27%, สื่อออนไลน์ 19%, สื่อออฟไลน์ 18%, สื่อจากผู้พัฒนาอสังหาฯ 15% และโฆษณาทางโทรทัศน์ 11%
สัมมนา “ไขรหัสลับคน “Gen Y” จุดเปลี่ยนอสังหาฯ 4.0”
นางสาวจามรี เกษตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า เทรนด์ของลูกค้า Gen Y เริ่มเข้ามาในตลาดมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลของธนาคาร พบว่ามีลูกค้า Gen Y ถึง 35% และเติบโตขึ้นเกือบ 30% จากปีที่ผ่านมา ที่อยู่ที่ 20% เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมในการใช้สื่อออนไลน์มาก ดังนั้น ผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์จะต้องมีการปรับตัว ด้วยการหันมาใช้สื่อออนไลน์ในการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ถ้ามีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็จะช่วยทำให้ปรับตัวได้เร็ว โดยผู้ประกอบการรายย่อย และรายใหญ่ จะมีวิธีการทำตลาดก่อนพัฒนาโครงการต่างกัน

ทั้งนี้ รายย่อยอาจจะมีต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำกว่า และยังไม่พร้อมกับการใช้ Big Data ถึง 77% ซึ่งค่อนข้างมีความเสี่ยง ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีต้นทุนในการดำเนินงานที่สูงกว่า และจะใช้วิธีการจ้างสำรวจ มีการเก็บข้อมูลลูกค้าเป็น Database มีความได้เปรียบผู้ประกอบการรายเล็กมาก โดยจากข้อมูลครึ่งปีแรก 2560 พบว่า รายใหญ่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 78% ส่วนรายย่อยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 22% เท่านั้น

นางสาวภัทรีดา ภัทรธราดล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ภัทรีดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เดิมครอบครัวดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ต่อมา ในรุ่นตนซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 ได้ขยายไลน์มาพัฒนาอสังหาฯ ได้ 7-8 โครงการ จากเดิมพัฒนาปีละ 1 โครงการ ปัจจุบันพัฒนาปีละ 5 โครงการ เพราะมีความต้องการที่จะพัฒนาโครงการให้เทียบเท่ารายใหญ่ จึงได้ศึกษาข้อมูลพบว่ามีหลากหลายมาก โดยเฉพาะ Gen Y ที่นิยมค้นหาข้อมูลทางออนไลน์มาก แม้จะใช้ระยะเวลาในการเลือกช้า แต่ตัดสินใจที่เร็วมาก จึงมีการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และเน้นการสร้างแบรนด์ เพื่อสร้างความจดจำผ่านสื่อ Facebook มากขึ้น

“พฤติกรรมกลุ่ม Gen Y “ช้า แต่เร็ว” การปรับตัวรับมือลูกค้า Gen Y อย่างน้อยต้องพัฒนาให้สินค้าตรงกับความต้องการ ตอบสนองให้ตรงจุด ลูกค้ากลุ่มนี้เมื่อเลือกซื้อโครงการจะมีการหาข้อมูลในหลาย ๆ ที่ การเข้ามาดูโครงการจะดูทุกรายละเอียดทุกด้าน และหากตัดสินใจซื้อแล้ว เราต้องตอบสนองให้เร็ว นอกจากนี้ สินค้าที่พัฒนาต้องมีดีไซน์ จากการศึกษาข้อมูลที่ผ่านมา พบว่า กลุ่ม Gen Y ต้องการสินค้าที่มีดีไซน์ตรงกับความต้องการของลูกค้าของเรา ดีไซน์เป็นสไตล์โมเดิร์น แต่ละโครงการมีธีมที่แตกต่างกัน แต่ตกแต่งภายใต้แบรนด์ภัทรีดา” นางสาวภัทรีดา กล่าว

ด้านนายสัมมา คีตสิน นักเศรษฐศาสตร์อสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า กลุ่ม Gen Y ในแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน เพราะฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่างกัน สำหรับประเทศไทยอาจจะต่องแบ่งเป็นเป็น Gen Y ที่มีสถานะทางการเงินดี สืบทอดมาจากรุ่นพ่อแม่ ขณะเดียวกัน อีกกลุ่มก็จะเป็นชนชั้นกลาง-ล่าง อาจมีสถานะทางเศรษฐกิจไม่ดีนัก ซึ่งอาจจะมีภาระหนี้สินทั้งจากการบริโภค และการกู้ยืมเพื่อการศึกษา ดังนั้น ทั้ง 2 กลุ่มจะมีศักยภาพในการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ต่างกัน ขณะเดียวกัน Gen Y หากแบ่งตามอายุ ก็จะมีระดับอายุตั้งแต่ 28-35 ปี และ 20-27 ปี ซึ่งมีความพร้อมในการซื้อที่อยู่อาศัยไม่เท่ากัน โดยกลุ่มอายุ 28-35 ปี จะมีความพร้อมที่มากกว่า


กำลังโหลดความคิดเห็น