บล. ไอร่า ประเมินตลาดหุ้นไทยเดือน ก.พ. รับปัจจัยบวกการเก่งกำไรประกาศงบ และการจ่ายปันผลปี 60 หนุนกรอบดัชนี 1,806-1,848 จุด แนะจับตามการประชุม กนง. คาดคงดอกเบียนนโยบายที่ 1.50% และสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของสหรัฐฯ อาจทำให้เกิด “Government Shutdown” อีกครั้ง พร้อมแนะเก็งกำไรหุ้นเด่น AP-PSH-SPALI-SPRC-TMT-PTTGC-TOP-BBL-KTB
นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AS กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งมองว่าจะมีแรงเกร็งกำไรในบริษัทที่คาดว่าจะประกาศงบออกมาโดดเด่น และการสอดรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งคาดว่าตัวเลข GDP โตไม่ต่ำกว่า 4.0%ในปี 2561
อีกทั้งราคาน้ำมันที่มีทิศทางการปรับตัวอยู่ในระดับสูงในรอบกว่า 3 ปี จึงส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ประกอบกับธุรกิจปิโตรเคมี ที่ได้ปัจจัยหนุนจากราคาผลิตภัณฑ์ตามทิศทางราคาน้ำมัน และความต้องการที่ดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังประสบความสำเร็จในการปฏิรูปภาษีเมื่อปีที่ผ่านมา หากมีความชัดเจนเพิ่มเติม คาดส่งผลดีต่อภาพรวมตลาด
ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนมาจาก Fund Flow จากแรงขายสุทธิของต่างชาติ แต่ได้รับการชดเชยจากสถาบันในประเทศ และภายใต้เงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า รวมถึงยอดซื้อสุทธิของต่างชาติในตลาดพันธบัตร YTD ประมาณ 70,000 ล้านบาท (ประมาณ 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) คาดยังมีโอกาสที่ต่างชาติจะกลับเข้ามาตลาดหุ้น ประกอบกับความขัดแย้งทางการเมืองของสหรัฐฯ ในระยะสั้นอาจส่งต่อการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะครบกำหนดวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งอาจทำให้เกิด “Government Shutdown” อีกครั้ง และเฟด ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. พร้อมแนะติดตาม Bond Yield หากสูงขึ้น คาดอาจส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดหุ้น
นางจิตรลดา กล่าวเพิ่มว่า นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาการประชุม กนง. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% ต่อปี รวมถึงทิศทางเงินบาทแข็งค่า คาดกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะที่มีการซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีรายได้ในรูปเงินบาทลดลง และประเด็นสำคัญทางการเมือง
ดังนั้น จึงประเมินกลยุทธ์การลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์ว่า ยังมีการแรงเก็งกำไรผลประกอบการและเงินปันผล โดยคาดดัชนียังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น แต่คาดอยู่ในกรอบจำกัด หลังดัชนีทำ New High ต่อเนื่องเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีกรอบทางเทคนิค 1,806-1,848 จุด และนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่มที่คาดผลงบปี 60 เด่น เช่น AP, PSH และ SPALI และหุ้นที่มีการจ่ายปันผลดี Div.Yield ไม่ต่ำกว่า 5% เช่น SPRC และ TMT ส่วนกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี แม้ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่คาดว่าในไตรมาส 1/2561 ยังได้รับประโยชน์จากทิศทางราคาน้ำมันที่คาดยังทรงตัวในระดับสูง และราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่คาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2560 เช่น PTTGC และ TOP และกลุ่มธนาคาร ที่คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุด และมีแนวโน้มดีขึ้นในปีนี้ที่น่าสนใจ เช่น BBL และ KTB