ตลท. พร้อมเริ่มใช้ระบบซื้อขายหุ้น T+2 วันที่ 2 มี.ค. สอดคล้องกับภูมิภาค และสามารถลดค่าความเสี่ยงลงราว 30% จากเดิมที่ใช้ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์แบบ T+3 โดยวันที่ 28 ก.พ. จะเป็นวันสุดท้ายที่ใช้ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์แบบ T+3 ยันได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดกร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า วันที่ 2 มี.ค. 61 จะเริ่มใช้ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ T+2 เป็นวันแรก โดยเป็นเกณฑ์ที่ใช้สอดคล้องกับภูมิภาค และสามารถลดค่าความเสี่ยงลงราว 30% จากเดิมที่ใช้ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์แบบ T+3 โดยวันที่ 28 ก.พ. 61 จะเป็นวันสุดท้ายที่ใช้ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์แบบ T+3 ด้วย ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมความพร้อม เพื่อให้ทั้งอุตสาหกรรมเกิดความมั่นใจ
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวจะทำให้ระยะเวลาการติดตามการทำงาน (working track) ลดลง อีกทั้งยังช่วยให้การขยายตัวของตลาดหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และทำให้องค์รวมของอุตสาหกรรมมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้นักลงทุนจัดการการลงทุนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากตลาดฯ จะมี Settlement Cycle ที่ใกล้เคียงกันที่ T+2 ซึ่งนักลงทุนสามารถย้ายตลาดการลงทุนได้สะดวกขึ้น ลดข้อจำกัดในการเพิ่มต้นทุน
ปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศเขตภูมิภาคเอเชียได้มีการเริ่มปรับมาใช้ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ T+2 แล้ว อาทิ ฮ่องกง, ไต้หวัน, เกาหลี เวียดนาม, สปป.ลาว และกัมพูชา ที่เป็นประเทศเพิ่งตั้งตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ส่วนสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ยังใช้ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ T+3 อยู่
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนระบบการซื้อขายจะไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เพราะมูลค่าการซื้อขายจะขึ้นอยู่กับบรรยากาศการลงทุน แต่จะกระทบในแง่ของ Portfolio ที่จะเติบโตขึ้นเนื่องจากใช้เวลาการดำเนินงานเร็วขึ้น
นางเกศรา กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจำเป็นต้องขอข้อมูลอย่างเร่งด่วนในกรณีการระดมทุนผ่าน ICO (Initial Coin Offering) ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้นักลงทุนศึกษาเพื่อการตัดสินใจการลงทุนหรือเข้าซื้อ และตลาดหลักทรัพย์เองจะต้องมีการเข้าไปดูแลบ้าง
“การเพิ่มทุนหรือการระดมทุนที่มีสาระสำคัญ และมีผลกระทบต่อบริษัท ผู้ถือหุ้น หรืออาจมีผลต่อมูลค่าของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ จะต้องแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์” นางเกศรา กล่าว
นอกจากนี้ LIVE Platform ที่ตลาดหลักทรัพย์จะเปิดให้บริการเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SME และ Start up จะยังดำเนินไปตามเป้าหมายเดิม ซึ่งจะมีการจำกัดกลุ่มผู้ลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามที่กำหนดเท่านั้น