SKE ตั้งเป้าปี 61 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% รับผลดีดีมานต์ NGV โตตามลอจิสติกส์ เตรียมเจรจาซื้อโรงไฟฟ้า VSPP 2-3 โครงการ
นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สากล เอนเนอยี (SKE) คาดว่าในปี 61 รายได้ของบริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% โดยธุรกิจหลักจะเติบโตจากปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เนื่องจากการขยายตัวของลอจิสติกส์ และปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ เช่น การจัดตั้งเศรษฐกิจพิเศษ 5 จังหวัด 6 พื้นที่, การลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ปริมาณการนำเข้าและส่งออกที่เพิ่มขึ้น มีผลให้มีความต้องการใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัฯ ยังได้รับประโยชน์โดยตรงจาก การปิดซ่อมบำรุงสถานีอัดก๊าซของ บมจ. ปตท. (PTT) เป็นเวลา 1 ปี ทำให้สถานีอัดก๊าซของบริษัท ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน มีปริมาณการอัดก๊าซเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา โดยมีปริมาณการอัดก๊าซเพิ่มขึ้นเป็น 640 ตันต่อวัน จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 590-600 ตันต่อวัน
ขณะที่ล่าสุด บริษัทจะเข้าลงทุนในธุรการผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (Compressed Bio-methane Gas: CBG) โดยได้เข้าถือหุ้น 75% ในบริษัท อาร์อี ไบโอฟูเอลส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซ CBG มีขนาดกำลังการผลิตกว่า 3 ล้านกิโลกรัมต่อปี โดยใช้ก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียของโรงงานแป้งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซ CBG โดยกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่โรงงานแป้งสำปะหลัง บ่อก๊าซชีวภาพ และโรงงานผลิตและจำหน่าย CBG ซึ่งเป็นกระบวนการบำบัด กำจัด และผลิตบนพื้นที่ของโครงการทั้งหมด ทำให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งกระบวนการ โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ช่วงไตรมาสที่ 3/61 คาดหวังรายได้จากโครงการนี้ราว 50 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าระยะเวลาในการคืนทุนประมาณ 5 ปี
การลงทุนในครั้งนี้ยังได้รับการอนุมัติเงินทุนสนับสนุนจากโครงการส่งเสริมการผลิตไบโอมีเทนอัด ในสถานประกอบการที่มีระบบก๊าซชีวภาพจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน เป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาทอีกด้วย และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ขายก๊าซ CBG ให้กับบริษัท ฟ้าสางวู๊ดชิพ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในบริเวณพื้นที่ตั้งของโครงการ 7,000 กิโลกรัมต่อวัน หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 2.31 ล้านกิโลกรัมต่อปี เรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจว่าจะเป็นรายได้เสริมที่ต่อเนื่อง และมั่นคง ตามกลยุทธ์หลักของบริษัท
“เราคาดว่า ธุรกิจการผลิตและจำหน่ายก๊าซ CBG มีอนาคตทางธุรกิจที่ดี ยังมีโอกาสทางธุรกิจอีกจำนวนมาก เนื่องจากมีโรงงานขนาดใหญ่ และขนาดกลาง อาทิ โรงงานแป้งมันสำปะหลัง และโรงงานอุตสาหกรรมอื่น กว่าอีก 1,000 แห่ง ที่มีน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะสามารถนำมาผลิตก๊าซไบโอ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น ใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า, นำไปใช้ทดแทนเชื้อเพลิงอื่น เช่น น้ำมันเตา, LPG ที่มีราคาสูง หรือนำมาผลิตเป็น CBG เพื่อใช้ทดแทน NGV ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการศึกษาว่า ในพื้นที่ดังกล่าวนั้นมีความเหมาะสมกับการนำไปใช้ในรูปแบบใด และได้ผลตอบแทนสูงสุด” นายชัชชัย กล่าว
นายชัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทตั้งเป้าลงทุนในธุรกิจไบโอแก๊สไม่น้อยกว่า 5 โครงการภายในปี 63 โดยจะเป็นโครงการที่มาผลิตและจำหน่ายก๊าซ CBG จำนวน 3 โครงการ ขนาด 9 ตันต่อวัน และอีก 2 โครงการจะใช้ในการผลิตไฟฟ้าขนาด 4-5 เมกะวัตต์ต่อโครงการ
พร้อมกันนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อโครงการผลิตไฟฟ้าโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กมาก (VSPP) จำนวน 2-3 ดีล กำลังการผลิตไม่เกิน 9 เมกะวัตต์ต่อโครงการ โดยคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนการเข้าลงทุนภายในปีนี้ ซึ่งมีทั้งโครงการที่สามารถรับรู้รายได้ทันที และโครงการที่ต้องมีการก่อสร้างเพิ่มเติม
สำหรับเงินลงทุนในโครงการต่าง ๆ บริษัทยืนยันว่ามีเพียงพอ ด้วยกระแสเงินสดที่มี และศักยภาพในการกู้ยืม เนื่องจากปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า ประกอบกับบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ขนาด 100 ไร่ มูลค่าราว 50-60 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
SKE ประกอบธุรกิจบริการอัดก๊าซ NGV ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ซึ่งปัจจุบันมีสถานีก๊าซธรรมชาติของบริษัท 2 สถานี สถานีก๊าซธรรมชาติหลักปทุมธานี และสถานีก๊าซธรรมชาติหลักสระบุรี แต่ล่าสุด ได้ขยายไปสู่ธุรกิจโครงการ CBG และสถานีบริการก๊าซ NGV ตามแนวท่อรูปแบบ Ex-Pipeline เป็น 2 ธุรกิจใหม่ของบริษัท ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคง และต่อเนื่อง ให้กับธุรกิจหลักของ SKE ซึ่งเป็นการให้บริการรับอัดก๊าซให้กับกลุ่ม ปตท. ภายใต้สัญญาระยะยาวกว่า 20 ปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลประกอบการและผลกำไรเติบโตให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป