xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งโต๊ะกวาดซื้อหุ้น ADAM / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข่าวคราวของ บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ADAM เงียบหายไปพักใหญ่ เพิ่งมีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากการประกาศจัดทำคำเสนอซื้อหุ้น หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ในราคาหุ้นละ 7 สตางค์ ทำให้ผู้ถือหุ้นจำนวน 910 ราย ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า ควรจะขายทิ้งหรือไม่

ADAM หรือหุ้นบริษัท อาร์เค มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น RK เดิม ถูกพักการซื้อขายมาประมาณ 4 ปีแล้ว หลังจากการขายทรัพย์สิน กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีแต่เงินสด และเตรียมทำแบ็คดอร์ ลิสติ้ง หรือเข้าตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อม โดยการเพิ่มทุน

นำหุ้นใหม่จำนวน 500 ล้านหุ้น เสนอขายให้ บริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัดของกลุ่ม นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ผู้ต้องหาคดีทุจริตค้าข้าวจีทูจี สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

แต่ถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเข้าตรวจสอบ และสั่งให้ชี้แจงข้อมูลทรัพย์สิน รวมทั้งการแก้ไขฐานะการเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีแต่เงินสด ซึ่งฝ่ายบริหาร ADAM ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของตลาดหลักทรัพย์ได้ จนถูกพักการซื้อขายยาว

บริษัทจดทะเบียนที่เคยมีแต่เงินสด ไม่มีใครตอบได้ว่า เพราะเหตุใดจึงกลายเป็นบริษัทที่มีปัญหาฐานะทางการเงินและการดำเนินงาน จนต้องย้ายเข้าไปกลุ่มฟื้นฟูฐานะการดำเนินงาน และไม่มีสัญญาณว่า จะสามารถฟื้นฟูฐานะการดำเนินงานเสร็จสิ้นเมื่อใด

ตั้งแต่ยังไม่เปลี่ยนชื่อแซ่ และยังเป็น RK อยู่ หุ้นตัวนี้ถือเป็นหุ้นร้อน มีข่าวลือกระตุ้นบรรยากาศการเก็งกำไรต่อเนื่อง และแม้จะเปลี่ยนชื่อมาเป็น ADAM แต่พฤติกรรมตัวหุ้นไม่ได้เปลี่ยนเท่าใด ยังเป็นหุ้นที่มีข่าวลือมากมาย มีการจุดพลุเก็งกำไรกันเป็นช่วงๆ

และไม่น่าเชื่อว่า ก่อนที่จะถูกแขวนป้ายเอสพี พักการซื้อขายยาวมาประมาณ4 ปี ราคาหุ้น ADAM ปิดการซื้อขายครั้งสุดท้ายที่ 14 บาท

แต่วันนี้ มีผู้ตั้งโต๊ะรับซื้อในราคาเพียงหุ้นละ 7 สตางค์

นายเกรียงไกร ศิระวณิชการ เป็นผู้จัดทำคำเสนอซื้อหุ้น ADAM จำนวนทั้งสิ้น 286,503,737 หุ้น หรือสัดส่วน 77.40 % ของทุนจดทะเบียน โดยตั้งโต๊ะรับซื้อ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ 25 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2561

นายเกรียงไกร เพิ่งเข้ามาซื้อหุ้น ADAM จากบริษัท พนาไพรด์ โฮลดิ้ง จำกัด ในสัดส่วน 15.24% ของทุนจดทะเบียน และซื้อหุ้นจาก นายนพดล คงวิวัฒนากุล จำนวน 13,645,500 หุ้น หรือสัดส่วน 3.69% ของทุนจดทะเบียน และซื้อหุ้นจาก นางสาวพรรณี แสงเพิ่ม จำนวน 13,618,100 หุ้น หรือสัดส่วน 3.68% ของทุนจดทะเบียน ในราคาหุ้นละ 7 สตางค์

หลังจากซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมทั้ง 3 ราย นายเกรียงไกร กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง รองจาก เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซีเคียวริตี้ จำกัด โดยถือหุ้นในสัดส่วน 22.60% ของทุนจดทะเบียน

การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ครั้งนี้ ถ้าผู้ถือหุ้นรายอื่นขายทั้งหมด นายเกรียงไกรจะกลายเป็นผู้ถือหุ้น ADAM  โดยใช้เงินทำเทนเดอร์ ฯ ทั้งหมดเพียง 20.05 ล้านบาท แต่จะเป็นเจ้าของ ADAM แต่เพียงผู้เดียว

และการตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น ADAM ครั้งนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำออกจากตลาดหลักทรัพย์

นายเกรียงไกรคงมีแผนอยู่แล้วว่า จะทำอะไรต่อไปกับ ADAM และแผนดีที่สุดคือ การแก้ปัญหาฐานะการดำเนินงาน เพื่อหลุดออกจากหุ้นกลุ่มฟื้นฟู ฯ และนำหุ้นกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง ซึ่งหากทำได้ นายเกรียงไกรจะกอบโกยผลตอบแทนเต็มที่

เพราะถ้าหุ้น ADAM กลับมาซื้อขาย ราคาคงไม่อยู่แถว 7 สตางค์แน่นอน

แต่นายเกรียงไกร จะเสกให้ ADAM ฟื้นได้หรือไม่ และเมื่อไหร่จะนำหุ้นกลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้ง เป็นโจทย์ใหญ่ที่ผู้ถือหุ้นรายย่อย ต้องการคำตอบเหมือนกัน เพื่อนำไปเป็นองค์ประกอบการตัดสินใจว่า จะขายหุ้นให้กับนายเกรียงไกร หรือจะถือซื้ออนาคตไปกับนายเกรียงไกร

ผู้ถือหุ้น ADAM ต้องตัดสินใจกันเองแล้ว จะขายหุ้นราคา 7 สตางค์ หรือรอการกลับมาแจ้งเกิดใหม่ของหุ้นตัวนี้ ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่า จะแจ้งเกิดใหม่สำเร็จหรือไม่ และจะใช้เวลาอีกกี่ปี


นายเกรียงไกร ต้องมั่นใจอยู่แล้วว่า จะนำ ADAM กลับมาจดทะเบียนแจ้งเกิดใหม่ได้ แต่ผู้ถือหุ้น ADAM จะมั่นใจในตัวนายเกรียงไกรหรือไม่เท่านั้น



กำลังโหลดความคิดเห็น