บล. คันทรี่กรุ๊ป ใส่เกียร์เดินหน้าลุยธุรกิจที่ปรึกษาและจัดจำหน่ายหุ้นกู้เต็มเหนี่ยว เผยเดือน ก.พ. จ่อขายหุ้นกู้มีหลักประกันให้กับ ECF เจาะลูกค้าสถาบัน-รายใหญ่ หนุนรายได้ค่าธรรมเนียมพุ่ง ผลักดันธุรกิจโตต่อเนื่อง
ดร. วีรพัฒน์ เพชร์คุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผยในโอกาสร่วมลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ว่า บริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) เพื่อเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. คาดว่าจะเปิดขายในช่วงเดือน ก.พ.นี้
“แผนการดำเนินงานในปีนี้ เราพร้อมเข้ารุกที่ปรึกษาทางการเงินและการเข้าไปเป็นตัวแทนจำหน่ายหุ้นกู้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการระดมทุน รองรับการขยายธุรกิจที่เริ่มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้รายได้จากค่าธรรมเนียมในปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ผลักดันธุรกิจของ CGS เติบโตอย่างต่อเนื่อง” ดร. วีรพัฒน์ กล่าวในที่สุด
ทั้งนี้ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ จากไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด และไม้ยางพารา รวมทั้งจำหน่ายกระดาษปิดผิว ไม้ยางพาราแปรรูปอบแห้ง เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ รายได้จากการขายงวด 9 เดือน ปี 2560 เท่ากับ 1,056.63 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ที่มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 มาจากการผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ตามคำสั่งซื้อ (Made to order) ให้กับลูกค้าต่างประเทศ ได้แก่ บริษัทผู้จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และร้านค้าปลีกรายใหญ่ (Modern Trade) หลายรายในประเทศญี่ปุ่น รองลงมา คือ การผลิตและจำหน่ายโดยใช้ตราสินค้าของบริษัทให้กับกลุ่มร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ในประเทศ ได้แก่ เทสโก้โลตัส, บิ๊กซี, โฮมโปร เมกา, วินเนอร์โฮม และดูโฮม และการจำหน่ายผ่านโชว์รูมของบริษัทรวม 16 สาขาบนพื้นที่เช่าภายในอินเด็กซ์ ลีฟวิ่ง มอลล์ และโฮมโปร ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ “ELEGA” “FINNA HOUSE” “Fur Direct”, “Leaf”, “a7”, “Hasta”, “Costa” และ “My Fur” เป็นต้น รวมทั้งช่องทางร้านค้าส่ง-ร้านค้าปลีกรายย่อย ซึ่งมีการเติบโตที่ดี
ปัจจุบัน บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยเข้าลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ด้านพลังงานทดแทน บริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด (ECF-P) ในฐานะบริษัทย่อย เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 ในบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 125,755,800 บาท ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ ณ เมืองมินบู ประเทศพม่า คาดว่าจะเริ่มมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์เฟสแรก 50 เมกะวัตต์ ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 จากทั้งหมด 4 เฟส และบริษัทร่วม คือ บริษัท เซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (SAFE) โดย ECF-P ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 33.37 เริ่มรับรู้กำไรตามสัดส่วนเงินลงทุนในไตรมาส 3 ปี 2560 จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ของบริษัท ไพร์ซ ออฟ วู้ด กรีน เอนเนอร์จี จำกัด จังหวัดนราธิวาส สำหรับวัตถุประสงค์ของการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ของ ECF เพื่อใช้เพิ่มสภาพคล่อง และ/หรือใช้ชำระคืนเงินกู้ และ/หรือใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายธุรกิจ