“SENA” เปิดเกมรุกอสังหาฯ วาง 5 แนวทางสู่ Growth Hormone ประกาศโตทุกมิติ ยอดขายและรายได้โตเท่าตัว แจงแผนปี 61 เพิ่มพอร์ตที่อยู่อาศัยระดับกลาง-บน 5-10 ล้านบาท เดินหน้าเปิดตัว 18 โครงการใหม่ แนวราบ 3 โครงการ แนวสูง 15 โครงการ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 10,300 ล้านบาท เติบโต 66% และมีรายได้ 5,200 ล้านบาท พร้อมเสริมทัพวัตกรรมใหม่ตั้งเป้าเป็น “The First EV ready” ย้ำภาพผู้นำตลาดด้านพลังงานทดแทน
ดร. เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่า ปีนี้เสนาฯ วางเป้าหมายทางด้านธุรกิจโดยการผลักดัน และสร้างการเติบโตขององค์กรในทุกมิติ ทั้งตัวองค์กร รายได้และยอดขาย ผ่านแนวคิด “Growth Hormone” ซึ่งประกอบด้วย 5 แนวทางหลัก คือ 1. คือ การตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ รวมถึงการทำแอปพลิเคชัน SENA 360 องค์ศา 2. SERVICE ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการหลังการขายของบริษัทได้ง่ายขึ้น โดยในปีนี้บริษัทมีการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ตอบโจทย์ลูกค้าให้สูงสุด และเพิ่มประสิทธิภาพแอปพลิเคชันให้มีบริการที่ครบวงจรยิ่งขึ้น
สำหรับแนวทางที่ 3. คือ การเป็น “The First EV ready” คือ การติดตั้งระบบชาร์ตไฟฟ้าในรถยนต์ในบ้าน ซึ่งบริษัทได้นำเข้ามาจับกลุ่มลูกค้าบ้าน Segment 5-10 ล้านบาท โดยจะนำร่อง 2 โครงการ คือ เสนา พาร์คแกรนด์ รามอินทรา-วงแหวน และโครงการ เสนา พาร์ค วิลล์ รามอินทรา-วงแหวน แนวทางที่ 4. การวางแผนบริหารจัดการภายในองค์กรที่ดี และมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน คือ ความสามารถในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ
ส่วนแนวทางที่ 5. คือ การเปิดตัวโครงใหม่ 18 โดย แบ่งเป็น 3 โครงการแนวราบ และ 15 โครงการแนวสูง มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 60 ที่มีมูลค่าโครงการเปิดใหม่ 9,149 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าจะมียอดขาย 10,300 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 66% จากปีก่อนหน้าที่มียอดขายรวม 6,200 ล้านบาท และวางเป้ารายได้ที่ 5,200 ล้านบาท จากขึ้นจากปี 60 ที่มีรายได้ 4,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการที่เปิดตัวใหม่ในปี 61 จะเน้นการเพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มระดับราคากลาง และบน โดยในกลุ่มสินค้าระดับราคา 1-1.4 ล้านบาท มีสัดส่วน 4% กลุ่มสินค้าระดับราคา 1.5-2 ล้านบาท มีสัดส่วน 9% กลุ่มสินค้า 2-3 ล้านบาท 31% กลุ่มสินค้าระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วน 13% โดยเป็นสินค้ากลุ่มราคาพรีเมียม 35% และกลุ่มราคาราคา 3-7 ล้านบาท 9%
“ขณะเดียวกัน ได้ตั้งงบซื้อที่ดินไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่ใช้งบในการซื้อที่ดินกว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการใหม่ที่จะลงทุนในปีนี้ ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่ในปี 60 เป็น 3 โครงการที่เป็นโครงการร่วมทุนกับ บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ พันธมิตรเดิมที่มีการร่วมทุนคอนโดมิเนียมในปีที่ผ่านมา”
ดร. เกษรา กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 ว่า ปีนี้ตลาดมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เพราะต่างก็มีการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาค่อนข้างมาก ประกอบกับทิศทางภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีนี้ปรับตัวดีขึ้น
มีปัจจัยหนุนการเติบโตของธุรกิจจาการส่งออก และการท่องเที่ยว อัตราดอกเบี้ยทรงตัว และรวมถึงโครงการของภาครัฐที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ตลาดผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น และเริ่มกลับมาตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ตลาดคอนโดมิเนียมกลุ่มไฮเอนด์ เชื่อว่าในปีนี้จะมีการแข่งขันที่ดุเดือดเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของนวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ และต่อยอด เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการอยู่อาศัยให้ครบลูปความต้องการของลูกค้าในยุคนี้ให้มากที่สุด