พลังงานบริสุทธิ์ เอกชนรายแรกที่ได้รับความไว้วางใจจาก กฟน. ร่วมผุดสถานีให้บริการชาร์จไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EA Anywhere เผยภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ เปิดครบ 100 แห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนขยายสาขาปูพรมทั่วประเทศ 1,000 สถานี ภายในสิ้นปี 61 มั่นใจเทคโนโลยีสุดล้ำ ผสานกับค่ายรถยนต์ รองรับ Phev และ Bev รถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อ
นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า กฟน. และบริษัทพลังงานมหานคร จำกัด บริษัทย่อยของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ได้ร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดวิวัฒนาการครั้งสำคัญนี้ หลังจากมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กันในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และ EA ถือเป็นเอกชนรายแรกที่ กฟน. ให้ความร่วมมือเพื่อพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือ Charging Station เพื่อร่วมกันขยายจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงความพร้อมอย่างเต็มที่ของ กฟน. ในการทำหน้าที่เป็น “the MetGE : METRO GRID ENABLER” โดยกำกับ ดูแล ให้คำปรึกษาและอนุญาตการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการทุก ๆ ราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเข้ากับระบบจำหน่ายไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้มีการใช้งานอย่างเพียงพอต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ สำหรับกลุ่มพันธมิตรของบริษัทพลังงานมหานคร ที่มีความเชี่ยวชาญรวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และปลอดภัย ประกอบกับความพร้อมของ กฟน. คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชื่อมต่อจ่ายระบบไฟฟ้าให้กับสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้ตามแผนงานที่วางไว้ สร้างกรุงเทพฯ ให้ทันสมัยเป็น Smart Metro ในอีกไม่นานนี้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กฟน. ได้วางแผนเตรียมระบบไฟฟ้าสำหรับหน่วยงานราชการที่สนใจ และมีความพร้อมในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ให้บริการ ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ส่วนด้านบริษัทพลังงานมหานคร จะดูแลด้านเทคโนโลยี ลงทุน และทำการตลาดเพื่อติดตั้งสถานีสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ของเอกชน และพันธมิตรต่าง ๆ ภายใต้แนวคิด EA Anywhere Charging Station Powered by MEA
ขณะที่นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวขอบคุณท่านผู้ว่าฯ กฟน. และพาร์ตเนอร์ ทุกรายเป็นอย่างยิ่งที่เชื่อมั่นในการแผนงาน และการดำเนินงานของ EA และได้ร่วมกันผลักดันจนมาถึงจุดนี้ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเพื่อก้าวสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดมลภาวะทางอากาศ ทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และต้นทุนพลังงานก็ถูกลงกว่าเดิม บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะติดตั้งหัวชาร์จรวมทั้งสิ้น 1,000 สถานีทั่วประเทศ ภายในปี 2561 โดยภายในสิ้นเดือนมกราคม 2561 จะพร้อมเปิดให้บริการจำนวน 100 สถานีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
“ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีนี้ EA มองเห็นโอกาสที่จะใช้เทคโนโลยี และความพร้อมที่มี มาร่วมสนับสนุนให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ทั้งประเภทปลั๊กอินไฮบริดจ์ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) และประเภทแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle : BEV) ในอีกไม่นานนัก เชื่อว่าจะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น เมื่อสถานีชาร์จพร้อม พัฒนาการก้าวสำคัญที่น่าติดตามถัดไป คือ การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เพราะต้องยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดยังไม่ขยายตัวมากนัก เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลในเรื่องของการชาร์จไฟ แต่เมื่อข้อจำกัดนี้หมดไป เชื่อว่าตลาดจะเติบโตได้อีกมากทั้งการนำเข้ารถยนต์ และการผลิตขึ้นเองในประเทศไทย ถือเป็นก้าวสำคัญของการสนับสนุนให้คนไทยหันมาใช้พลังงานสะอาดในยุคไทยแลนด์ 4.0 ได้เป็นอย่างดี” นายสมโภชน์ กล่าวในที่สุด
สำหรับหัวชาร์จของ EAAnywhere ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีทั้งแบบไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Current : DC) และกระแสสลับ ( Alternating Current : AC) พร้อมให้บริการกับ Phev และ Bev และรถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อ และทุกรุ่น มั่นใจในความปลอดภัยได้ เนื่องจากผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย IEC อีกทั้งยังใช้แอปพลิเคชันในการเช็กตำแหน่งของสถานี จองล่วงหน้าเพื่อรับบริการ ชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน Android และ IOS เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ สามารถตรวจสอบเส้นทาง หรือจุดที่เป็นที่ตั้งของสถานีให้บริการ ทั้งนี้ EA Anywhere ยังคงเปิดรับผู้สนใจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเพิ่มเติมอีกด้วย (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call center 094 686 4545, Official Line:@eaanywhere , www.eaanywhere.com, www.facebook.com/eaanywhere.th)