LH เผยแผนธุรกิจปี 61 เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ 18 โครงการ มูลค่า 36,300 ล้านบาท แจงเตรียมงบลงทุนอสังหาฯ เพื่อขาย-เพื่อเช่ารวม 13,000 ล้านบาท วางเป้ารายได้ทั้งปี 36,700 ล้านบาท โดยมาจากอสังหาฯ เพื่อขาย 33,000 ล้านบาท และอสังหาฯ เพื่อเช่า 3,700 ล้านบาท พร้อมวางเป้ายอดขายทั้งปีที่ 31,000 ล้านบาท เผย 1 ก.พ. เซ็นสัญญาเช่า “สวนชูวิทย์” เนื้อที่ 6 ไร่ ยาว 30 ปี ผุดบิ๊กโปรเจกต์ เล็งออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี 2 ล็อต มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 จะมีอัตราการเติบโตที่หดตัวจากปี 59 แต่ทิศทางการปรับตัวที่ดีขึ้นตั้งไตรมาสที่ 3/60 เป็นต้นมา ส่งผลให้ตลาดรวมกลับมาขยายตัวในทิศทางที่ดี และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 61 นี้ ภายหลังจากที่ได้รับปัจจัยบวกทางด้านเศรษฐกิจที่มีอัตราการขยายตัวที่ดี โดยในปีนี้ คาดว่าจีดีพี จะขยายตัวอยู่ในระดับ 4% ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของภาคธุรกิจส่งออก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ และการลงทุนในภาคเอกชน การท่องเที่ยว และการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งปัจจัยข้างต้นจะส่งผลดีต่อการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ ในปี 61
แนวโน้มดังกล่าวทำให้ในปี 61 นี้ แลนด์ฯ มีแผนขยายการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มขึ้น โดยในปีนี้มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 18 โครงการ มูลค่ารวม 36,300 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ ณ สิ้นปี บริษัทมีจะมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่รวม 86 โครงการ จากเดิมที่ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ 78 โครงการในปี 60 โดยโครงการที่จะเปิดตัวใหม่ในปี 61 นี้ แบ่งออกเป็นโครงการใน กทม. และปริมณฑล 16 โครงการ และต่างจังหวัด 2 โครงการ และแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ 14 โครงการ และแนวสูง 4 โครงการ
“ในช่วงต้นปี 60 ที่ผ่านมา แลนด์ฯ มีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ในมือ 68 โครงการ แยกเป็นใน กทม. และปริมณฑล 40 โครงการ และต่างจังหวัด 28 โครงการ โดยในปี 60 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่า 10,080 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปีที่ผ่านมา แลนด์ฯ มีโครงการที่ดำเนินการอยู่ 78 โครงการ”
เช่า “สวนชูวิทย์” 6 ไร่ ผุดบิ๊กโปรเจกต์กว่า 6 พันล้าน
นายนพพร กล่าวต่อว่า ทางบริษัทฯ ได้ตัดสินใจเช่าที่ดินสวนชูวิทย์ บริเวณสุขุมวิทซอย 10 เนื้อที่ 6 ไร่ ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระยะเวลาในการเช่าพื้นที่อยู่ที่ 30 ปี และต่ออายุได้อีก 4 ปี โดยจะมีการเซ็นสัญญาในเรื่องการทำธุรกรรมที่ดินในวันที่ 1 ก.พ. นี้ และจะนำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาโครงการรูปแบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าในรูปแบบอาคารสำนักงาน พื้นที่เช่า 20,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) และโรงแรม 400 ห้อง และมีพื้นที่ค้าปลีกอีก 3,000 ตร.ม. ใช้งบลงทุนอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในช่วงต้นปี 62 และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาราว 3 ปี จะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ นอกจากนี้ LH ยังอยู่ระหว่างการเจรจาที่จะเช่าที่ดินเพิ่มอีก 1-2 แห่ง เพื่อพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าในอนาคต คาดว่าจะได้ข้อสรุปการเช่าที่ดินแปลงใหม่ภายในปีนี้
อนึ่ง ที่ดิน “สวนชูวิทย์” พิกัดตามภูมิศาสตร์ อยู่ที่ 13.738411°N 100.557486°E ซึ่งบริเวณนี้ เดิมให้เช่าเป็นบาร์เบียร์ และร้านค้าชื่อ “สุขุมวิทสแควร์” นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซื้อมาจากเจ้าของเดิมเมื่อ พ.ศ. 2545 และมีโครงการสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว แต่เกิดปัญหากับผู้เช่าเดิม และเกิดคดีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาไล่รื้อถอนบาร์เบียร์ และร้านค้า เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2546 ส่งผลให้เกิดการกลั่นแกล้งต่อธุรกิจของนายชูวิทย์ จนนายชูวิทย์ตัดสินใจออกจากธุรกิจอาบอบนวด หันมาทำงานการเมือง และยกเลิกโครงการสร้างโรงแรม สร้างเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้งานแทน ที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 5,500 ล้านบาท และเป็นที่ดินแปลงใหญ่แปลงเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณถนนสุขุมวิทตอนต้น
ด้านนายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ในปีนี้ แลนด์ฯ ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 36,700 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ 33,000 ล้านบาท และมาจากรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ เพื่อเช่า 3,700 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายที่อยู่อาศัยในปีนี้ แลนด์ฯ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายที่ 31,000 ล้านบาท จากโครงการที่เปิดขายอยู่เดิม และโครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้รวม 86 โครงการ
“ขณะที่ในปีนี้ตั้งงบลงทุนรวมในที่ 13,000 ล้านบาท โดยสามารถแบ่งออกได้ 2 ส่วน คือ งบสำหรับซื้อที่ดิน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท และงบสำหรับการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ เพื่อเช่า 6,000 ล้านบาท โดยในส่วนของงบลงทุนเพื่อเช่านี้ จะเป็นการลงทุนโครงการใหม่ และโครงการเดิมที่มีอยู่ในประเทศทั้งหมด”
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการออกหุ้นกู้ไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 2% กว่า ๆ โดยจะทำการออกหุ้นกู้จำนวน 2 ครั้ง ในสัดส่วนเท่า ๆ กัน ในช่วงไตรมาส 2/61และไตรมาส 4/61 โดยจะนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้หนี้เงินกู้เดิมที่มีอยู่
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 61 บริษัทจะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปีก่อน โดยฐานะการเงินของบริษัท ณ สิ้นปี 60 ยังคงมีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ในปัจจุบัน แลนด์ฯ และบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้สุทธิอยู่ที่ 43,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ราว 87%.