xs
xsm
sm
md
lg

“ประเดช” ยัน ไม่เกาเหลา “จอมทรัพย์” เชื่อมั่น SUPER ไม่คิดเอาใจออกห่าง-ชี้ตั้งใจลงทุนระยะยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

  นายประเดช กิตติอิสรานนท์ ประธานกรรมการบริษัท ดีดีมาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER
“ประเดช กิตติอิสรานนท์” ยืนยันไม่เคยแตกคอ หรือมีปัญหากับ “จอมทรัพย์” ระบุเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐานของ SUPER แจงประเด็นลดสัดส่วนลงทุนเป็นแค่การปรับพอร์ตลงทุนส่วนตัวในจังหวะที่ต้องใช้เงินลงทุนระยะสั้นเท่านั้น เหตุที่ผ่านมา ต้องใช้เงินไปลงทุน “วินด์ เอ็นเนอร์ยี่” ย้ำ แม้ลดสัดส่วนถือหุ้นสามัญ แต่มี SUPER-W4 เต็มมือ เพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่า และยังมีเวลาเหลืออีก2 ปี อนาคตจะแปลงสภาพกลับมารักษาสัดส่วนการถือหุ้นได้เท่าเดิม

นายประเดช กิตติอิสรานนท์ ประธานกรรมการบริษัท ดีดีมาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ไม่เคยทะเลาะหรือมีปัญหากับ นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ SUPER แต่อย่างใด โดยมีความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ และการบริหารงานของทีมงาน พร้อมทั้งปล่อยให้ทีมของคุณจอมทรัพย์ ทำงานโดยอิสระ ไม่มีการแทรกแซงการทำงานแต่อย่างใด

ในส่วนของตนเองนั้น มีบทบาทหน้าที่ คือ การทำตัวเป็นผู้ถือหุ้นที่ดี และพร้อมที่จะสนับสนุน และให้คำปรึกษากับคุณจอมทรัพย์ หากต้องการคำแนะนำใด ๆ ในฐานะที่ตนมีความรู้ และความชำนาญในธุรกิจด้านพลังงาน

“ในตลาดหุ้นไทย ผมลงทุนหุ้นอยู่เพียงตัวเดียว คือ SUPER ดังนั้น ในจังหวะที่ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่จะต้องขายหุ้นออกมาบางส่วน ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา มีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อไปลงทุนในบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งฯ (WEH) โดยมองเห็นว่าเป็นอีกหลักทรัพย์ที่น่าจะมีอนาคต เพราะทำธุรกิจพลังงานทดแทนเช่นกัน อีกทั้งมีแผนที่จะระดมทุนขายหุ้นไอพีโอพร้อมเข้าจดทะเบียนใน ตลท. ปี 2561 จึงได้ปรับพอร์ตลงทุนส่วนตัวของโดยการขายหุ้นสามัญ SUPER ออกมาบางส่วน แต่ยังเชื่อมั่นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ในปัจจัยพื้นฐานที่แน่นปึ๊กของ บมจ. ซุปเปอร์บล๊อก และประสงค์ที่จะลงทุนระยะยาวจริง ๆ”

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เป็นเพียงการปรับพอร์ตการลงทุนระยะสั้น-ระยะยาวให้เกิดความสมดุลกับเงินลงทุนที่มี อย่างไรก็ตาม แม้จะขายหุ้น SUPER ออกมา แต่ส่วนหนึ่งได้ไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน SUPER-W4 ซึ่งใช้เม็ดเงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อหุ้นสามัญโดยตรง แม้จะมีความเสี่ยงมากกว่า แต่เพราะเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐาน จึงไม่กังวลแต่อย่างใด อีกทั้งวอร์แรนต์มีอายุอีก 2 ปี ยังมีเวลาเหลือสำหรับให้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ ซึ่งจะทำให้กลับมาดำรงสัดส่วนการถือหุ้นได้ในอนาคต

“SUPER คือ บริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือเกือบ 800 เมกะวัตต์ในปีที่ผ่านมา และแผนการลงทุนในเวียดนาม และประเทศอื่น ๆ ที่จะผลักดันรายได้และกำไรเติบโตก้าวกระโดดนัยจากนี้เป็นต้นไป จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ผมจะไม่อยากถือหุ้นตัวนี้ต่อไป” นายประเดช กล่าวในที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น