AOT พร้อมปรับเพิ่มเป้ารายได้งวดบัญชีปี 2561 หลัง ICAO ได้ประกาศถอดประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน (ปลดธงแดง) ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมการบินให้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น โดยประเมินแนวโน้มผู้โดยสารที่จะเข้ามาเที่ยวประเทศไทยปี 2561 เติบโตไม่น้อยกว่า 14% โดยจะเน้น 2 สนามบินนานาชาติที่มีรายได้หลัก คือ สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT กล่าวว่า บริษัท ฯ ประเมิน อัตราการเติบโตของผู้โดยสารในไตรมาส 1 งวดปี 61 (ต.ค.-ธ.ค.60 ) ไว้ที่ประมาณ 14% มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่ 1 เท่าตัว โดยจะเน้นสนามบินที่เป็นสนามบินนานาชาติ มีผู้โดยสารหนาแน่น เช่น สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีอัตราเติบโตของผู้โดยสารจากต่างประเทศจำนวนมาก ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 15% ขณะที่สนามบินดอนเมือง มีอัตราการเติบโตของผู้โดยสารกว่า 40% ส่งผลให้แนวโน้มจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศปรับเพิ่มมากขึ้นถึง 26%
“หลักจากที่ ICAO ได้ประกาศถอดประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน (ปลดธงแดง) ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา อีกทั้งปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ก็เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย มีมุมมองที่ดีต่อประเทศไทย และเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัท ฯ มีการเติบโตทั้งรายได้มากขึ้น”
ทั้งนี้ ในส่วนของความคืบหน้าหลังจากที่บริษัท ฯ ได้มีการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ของสนามบินดอนเมือง และปรับปรุงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศสนามบินภูเก็ต เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาใช้บริการ ซึ่งได้มีการตกแต่งภายใน และบริหารพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ในเชิงพาณิชย์ ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการทำรายได้มากขึ้น โดยประเมินว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นแตะ 1,800 ล้านบาท