xs
xsm
sm
md
lg

“2สมาคมรับสร้างบ้าน”ฟันธงปี61สดใส‘ซีคอนโฮม’ชี้ลูกค้าเร่งสร้างบ้านหนีต้นทุนใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สิทธิพร สุวรรณสุต
                กว่า 2-3ปีที่ตลาดรับสร้างบ้านซบเทรา เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ การหดตัวของตลาดรับสร้างบ้านที่ล้อไปกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และการเข้มงวดการพิจารณาปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการรับสร้างบ้านโอดควรเป็นเสียงเดียวกันว่า “รายได้ปีนี้ต่ำกว่าประมาณการณ์” โดยสาเหตุหลักๆของเรื่อง คือ การลูกค้าชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และความกังวลต่อภาระใช้จ่ายในอนาคต โดยเฉพาะตลาดบ้านสร้างเองในระดับราคาหลักแสน จนถึง2ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่ที่สุดในตลาดบ้านสร้างเอง

                อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ สถานการณ์ที่ยากลำบาก นั้นเริ่มส่งสัญญาณการเคลื่อนตัวผ่านพ้นไปหลังช่วงไตรมาส2ของปี 60 ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดรวมรับสร้างบ้านที่คาดว่าจะติดลบในปี60 พลิกกลับมาเป็นบวก โดยคาดว่าสิ้นปี60ตลาดรวมรับสร้างบ้านจะกลับมาขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3-5% 

                ...นี่จึงเป็นสัญญาณที่ดีซึ่งบ่งบอกว่า ในปี61นี้ จะเป็นปีฟ้าสีทองผ่องอำไพ ของธุรกิจรับสร้างบ้านอีกครั้ง หลังจากที่ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ต้องจมอยู่กับมรสุมมานานกว่า 3ปี ซึ่งตลอดทางในช่วง3ปีที่ผ่านมานั้น มีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหลายรายปิดตัวไป !...บ้างก็ล้มแผนการขยายตลาด เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม !...บ้างก็งัดกลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม เพื่อให้ได้งานเข้ามา แม้ต้องเจ็บตัวแต่ก็ยินดีเพราะต้องรักษาองค์กร และดูแลพนักงานให้ยืนหยัดไปได้

                อย่างไรก็ตาม สัญญาณการขยายตัวของตลาดในช่วงปลายปี60 นี้จะเป็นเพียงแค่... ความหวังที่เลื่อนลอย หรือว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยอย่างไรนั้น ...วันนี้ “ผู้จัดการรายวัน360” ได้นำแนวคิดและมุมมองของผู้ประกอบการที่คร่ำหวด และ2นายกสามาคม ในวงธุรกิจรับสร้างบ้าน มาสะท้อนแนวโน้มตลาดในปี61ว่าในปีหน้าจะเป็นปี “ฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ” ของธุรกิจรับสร้างบ้านจริงหรือไม่

                ทั้งนี้ นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THBA) “สิทธิพร สุวรรณสุต” ได้เปิดเผยถึงแนวโน้มและมุมมองตลาดปี 2561ว่า  สัญญาณการฟื้นตัวของตลาดรับสร้างบ้านในช่วงกลางปี60ที่ผ่านมา มีภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นตัวแปรหลัก ทั้งนี้ แม้ว่าการขยายตัวของ จีดีพี ที่เกินกว่าประมาณการณ์ของภาครัฐ จะเกิดจากกลุ่มธุรกิจส่งออกขนาดกลาง และใหญ่เป็นหลัก ไม่ได้เกิดจากธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย แต่ก็สร้างให้เกิดความเชื่อม และช่วยให้เกิดการตัดสินใจสร้างบ้านที่เร็วขึ้นแก่กลุ่มผู้บริโภค ที่มีแผนจะก่อสร้างบ้านอยู่แล้ว แต่ชะลอดูความชัดเจนของเศรษฐกิจก่อนตัดสินใจ

                อีกปัจจัยที่สำคัญ ช่วยให้เกิดการตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้นในปี60คือ ราคาวัสดุก่อสร้าง และต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และการแข่งขันของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะการจัดแพ็กเกจสินเชื่อ เพื่อกระตุ้นการ ตัดสินใจและเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้บริโภค ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านด้วยสินเชื่อตัดสินใจก่อสร้างเร็วขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามาทำตลาดของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้นในช่วงปลายปี60อย่างมาก

                จากปัจจัยบวก และแนวโน้มตลาดปลายปี60 ทำให้ สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA)ประเมินตลาดว่าตลาดปี61 จะกลับมาขยายตัวได้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี จากเดิมที่ประเมินไว้ว่าปี61ตลาดน่าจะยังซึมต่อเนื่องจากปี60 แต่เนื่องจากช่วงปลายปีตลาดรวมกลับมาขยายตัวได้เร็วมาก เพราะกลุ่มดีมานด์ที่อั้นมานานกลับมาตัดสินใจสร้างบ้าน ขณะที่ดีมานด์ใหม่ก็เริ่มตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงปลายปีเช่นกัน นอกจากนี้กลุ่มที่ชะลอก่อสร้างบ้านเพราะต้องรอเงินก้อนหรือรายได้ที่เพิ่มขึ้น จะมีการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านในช่วงต้นปี61 เพราะได้เงินก้อนจากโบนัส ปลายปี และการปรับขึ้นเงินเดือน ทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น และมั่นใจในรายได้ในอนาคต ซึ่งกลุ่มนี้จะตัดสินใจก่อสร้างบ้านในช่วงต้นปี61 เพิ่มมากขึ้น

                “อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวเพียงสะท้อนการตัดสินใจและดีมานด์ในช่วงสั้น แต่หากมองในระยะยาวปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจสร้างบ้าน และจะผลักดันให้ตลาดขยายตัวดีได้คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของตลาดต่างจังหวัดนั้น จะขยายตัวได้มากน้อยเท่าใดนั้นต้องดูที่ปัจจัย ของราคาสินค้าการเกษตร หากราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น แน่นอนว่าจะส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดบ้านสร้างเองในต่างจังหวัดในปีนั้นแน่นอน”
พิชิต อรุณพัลลภ
นายสิทธิพรกล่าวว่า  สำหรับตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศนั่นมีมูลค่าประมาณ 1.5-2แสนล้านบาท โดยตลาดหลักยังอยู่ในมือกลุ่มรับเหมาก่อสร้างกว่า 90% ขณะที่กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านนั้นมีแชร์ตลาดอยู่ประมาณ10% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.3-1.4หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มตลาดบ้านสร้างเองใหญ่ที่สุดยังเป็นกลุ่มบ้านระดับราคา 0.5 -2 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มบ้านระดับนี้เป็นกลุ่มที่ผู้รับเหมาก่อสร้างครองแชร์มากที่สุด ขณะที่กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่มีแบรนด์หรือชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจะกินแชร์ของกลุ่มบ้านระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปจนถึงระดับราคา10ล้านบาทอยู่ประมาณ60-70%ของมูลค่าตลาดรวม 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท ส่วนบ้านที่มีราคา10 ล้านบาทขึ้นไปจะมีแชร์ตลาดรวมอยู่ 7-8% แต่ไม่เกิน10% และถูกแชร์โดยบริษัทรับสร้างบ้าน และบริษัทสถาปนิกที่มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างในมือ

                “ในปี2561 ตลาดบ้านสร้างเองที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดี คือ กลุ่มบ้าน 5-10ล้านบาท ส่วนบ้านระดับราคาต่ำกว่า 5ล้านบาทจะยังเป็นตลาดใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตามเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ความเชื่อมั่นลูกค้าเริ่มฟื้นตัว จะทำให้ความกล้าในการตัดสินใจของลูกค้าเร็วขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีเงินออม ซึ่งลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมีแนวโมจะเลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านที่มีแบรนด์ และมีความน่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์ยาวนาน มากกว่าใช้ผู้รับเหมาในการก่อสร้างบ้าน”

                กล่าวโดยสรุปแล้วในปี61 จะเป็นปีที่ตลาดรวมรับสร้างบ้านกลับมาขยายตัวในทิศทางที่ดี โดยคาดว่าอัตราการเติบโตจะไม่ต่ำกว่า 10% โดยในจำนวนนี้จะเป็นการเติบโตโดยมูลค่าประมาณ 2-3% ส่วนที่เหลืออีก 7-8% นั้นจะเป็นการเติบโตมาจากการขยายตลาดของผู้ปะกอบการและการกระตุ้นตลาดผ่านแคมเปญและการแข่งขันของผู้ปะกอบการรับสร้างบ้าน”
ศุภิชชา ชัยพิพัฒน์
ส.ธุรกิจรับสร้างบ้าน คาดปี61มูลค่าตลาดทะลุ15,000ล้าน

ขณะเดียวกัน “สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน” โดย“พิชิต อรุณพัลลภ” นายกสมาคมฯ แสดงมุมมองต่อตลาดรับสร้างบ้านที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันว่า ภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านในปี60 เริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 โดยเฉพาะไตรมาส 4 ของปี เมื่อเทียบกับปีที่ 59 ถือว่าเติบโตขึ้นทั้งด้านปริมาณ และมูลค่า โดยมีสาเหตุมาจากผู้บริโภคเริ่มคลายกังวลกับสภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังจากตัวเลข ผลิตภัณฑ์มวลรวม(จีดีพี)ของประเทศ ในไตรมาส3 นั้นขยายตัวถึง 3.2-3.4 %  และมีแนวโน้มว่าจะโตกว่าคาดการณ์ที่รัฐประกาศไว้ไปแตะที่ระดับ3.8% ทำให้ผู้บริโภคกล้าตัดสินใจที่จะปลูกสร้างบ้าน จนส่งผลให้ตลาดรวมเติบโตสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 10,200 ล้านบาท โดยมูลค่าตลาดน่าจะทำได้ถึง 10,500 ล้านบาท

“จากแนวโน้มในปลายปี60นี้ เชื่อว่าจะส่งผลต่อแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในปี61ให้มีอัตราการขยายตัวที่ดี โดยคาดว่าตลาดรวมจะโตได้ถึง  5%  หรือมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 15,000ล้านบาท โดยมีแรงหนุนมาจากการประกาศให้มีการเลือกตั้งของรัฐบาล การลงทุนเมกกะโปรเจกต์ ธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตเป็นอย่างมาก ต้นทุนการก่อสร้างที่ไม่ว่าอย่างไรก็เพิ่มขึ้นทุกปี และกฎหมายที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่แม้จะยังไม่มีความชัดเจน แต่ก็เป็นเร่งรัดให้มีการตัดสินใจนำที่ดินออกมาใช้ปลูกสร้าง”

                นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าความต้องการสร้างบ้านต่อหน่วยจะมีมูลค่าสูงขึ้น จากเดิมราคา 2-3 ล้านบาท ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 30-40 %  ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.5-5 ล้านบาท และมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 49.98 % ส่วนราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท มีสัดส่วน 21.07 % ราคา 10 - 20  ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.77% 20  ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.25%  โดยปัจจุบันลูกค้ามีความเข้าใจในฟังก์ชั่นการใช้งานมากขึ้น   อีกทั้งสถาบันการเงินก็ให้ความสำคัญกับการสร้างบ้าน โดยมองว่าเป็นลูกค้าชั้นดี หลายแบงก์ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งโดยปกติแต่ละปีบ้านจะมีการปรับขึ้น3-5%แต่ปีที่ผ่านมาสถานการณ์เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ทำให้ไม่มีการปรับขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่บริษัทรับสร้างบ้านเป็นกังวลอยู่ในขณะนี้คือ ปัญหาแรงงาน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ผ่อนปรน ให้แรงงานต่างด้าวเป็นช่างก่อสร้างได้ จากเดิมที่ให้เป็นแค่กรรมกรแต่ห้ามเป็นช่างก่อสร้างจะสิ้นสุดลงในเร็วๆนี้ จะส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างสูงขึ้น และเกิดการแย่งแรงงาน ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวด้วยการบริหารต้นทุนให้ดี ถ้าบริหารจัดการไม่ดีจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นอย่างน้อย 3-5 % ดังนั้นรัฐบาลควรอนุญาตให้ต่างด้าวเป็นช่างก่อสร้างได้ และสามารถย้ายนายจ้างได้ ตลอดจนสามารถข้ามเขตได้โดยทำให้ทุกพื้นที่ของจังหวัด
               
“ซีคอนโฮม”ชี้ต้นทุนวัสดุฯดันราคาสร้างบ้านสูงขึ้น

ด้าน “ซีคอนโฮม” พี่ใหญ่ในธุรกิจรับสร้างบ้าน โดย “ศุภิชชา ชัยพิพัฒน์” กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทซีคอนโฮม สะท้อนภาวะตลาดปลายปี60ว่า หลังตลาดชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีมานี้ ก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3/60 ซึ่งจากการเก็บข้อมูลในการออกออกบูธ งานแฟร์ที่เกี่ยวกับบ้าน พบว่ายอดขายของ “ซีคอนโฮม”สูงกว่าเป้าหมายถึง30% สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อลูกค้ากลับมาอย่างชัดเจน นอกจากี้ปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจสร้างบ้านปี60 ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีที่ดิน ทำให้มีการตัดสินใจสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ ราคาวัสดุก่อสร้างน่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจสร้างบ้านมากขึ้น โดยราคาวัสดุก่อสร้างจากสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี59 พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยรวมเฉลี่ยที่ 1.4% หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ราคาสูงขึ้นถึง 8.2% หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้สูงขึ้น 3.3% หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีตสูงขึ้น 0.3% ทำให้ “ซีคอนโฮม” ต้องปรับราคาบ้านเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการสร้างบ้านเพิ่มสูงขึ้น ส่วนปี 61นี้ ยังต้องรอดูทิศทางการปรับราคาของกลุ่มวัสดุก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัจจัยการก่อสร้างโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ ,การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ  ที่จะส่งผลให้มีการใช้วัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ปริมาณมาก รวมทั้งการใช้แรงงานก่อสร้าง ที่จะทำให้เกิดภาวะขาดแคลน และส่งผลต่อต้นทุนดังกล่าว และนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญกระตุ้นให่มีการตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้นและส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดรวม
สุธี เกตุศริ
“บิวท์ ทู บิวด์” ชู3ปัจจัยฟื้นความเชื่อมั่น

                ด้าน “สุธี เกตุศิริ”เอ็มดี “กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์” ระบุว่า ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของผู้บริโภค ส่งผลให้การตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้นและหนุนให้ตลาดปี61มีการเติบโต ทั้งนี้ มีตัวเลข3-4ตัวที่สะท้อนปัจจัยบวกในปี61และเชื่อว่าจะหนุนให้ตลาดเติบโตได้ดี คือ 1.ตัวเลขการลงทุนของภาครัฐซึ่งมีจำนวนมากขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตัวเลขการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ตัวเลขตัวที่ 2 คือ ตัวเลขการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ตัวเลขที่ 3คือ ตัวเลขด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในปีนี้มีการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องจากปีที่แล้วและคาดวาในปี61จะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น

                “เครื่องยนต์ทั้ง 3ตัวนี้ สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศในปีนี้ได้ชัดเจนมาก แม้ว่าในปีก่อนหน้านี้ตัวเลข3ตัวดังกล่าวดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังไม่ชัดเจนที่กับปี60 การขยายตัวของภาคการลงทุน การส่งออก และตัวเลขด้านการท่องเที่ยว คาดว่าจะทำให้ จีดีพี ในปีนี้ขยายตัวได้ที่ 3.8% สูงกว่าคาดการเดิมที่รัฐบาลคาดการไว้ที่ 3.5%”




กำลังโหลดความคิดเห็น