xs
xsm
sm
md
lg

ซุปเปอร์เทรดฯ มองหุ้นไทยปี 61 สดใส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กูรูการลงทุนจาก ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค มองหุ้นไทยไตรมาสแรกยังสดใส จับตานโยบาย EEC ดันกำไรหุ้นที่ได้รับประโยชน์ปรับตัวขึ้น ส่วนปัจจัยทางเทคนิคสามารถผลักดัน SET Index แตะระดับ 1,780-1,800 จุดได้เป็นเป้าหมายแรกของปีนี้

นายกระทรวง จารุศิระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด ให้มุมมองตลาดหุ้นไทยปี 2018 ยังมีแนวโน้มสดใส แม้หุ้นหลายตัวราคาจะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูง แต่สภาพคล่องในระบบที่ยังล้นช่วยผลักดันให้หุ้นยังไปต่อได้ โดยมองว่า ตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นได้ตลอดทั้งไตรมาสแรก และจะเริ่มพักฐานตั้งแต่เดือนเมษายน

ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา คือ การเลือกตั้งจะเป็นไปตามกำหนดการเดิมในปี 2562 หรือไม่ และนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC จะเดินหน้าได้มากน้อยเพียงใด เพราะเป็นโครงการที่จะกระตุ้นจีดีพี และการลงทุนในประเทศในระยะยาวได้เหมือนกับโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดในอดีต

“หุ้นกลุ่มที่น่าจับตา คือ หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบาย EEC อย่างกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม รับเหมาก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนั้น กลุ่มโรงไฟฟ้า ยังดีอยู่ ส่วนธนาคารอัปไซส์ค่อนข้างจำกัดแล้ว ส่วนสื่อสารต้องรอความชัดเจนในการประมูลคลื่นความถี่ก่อน ที่ต้องระวังคือหุ้นที่เป็น Growth Stock ที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้ว หากโตน้อยลง ความคาดหวังที่มีสูงอาจทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง”

นายปุณยวีร์ จันทรขจร กรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นขึ้นได้ต่อเนื่องในปี 2018 มีอยู่สองปัจจัยหลัก ๆ คือ หนึ่ง สภาพคล่อง กับสอง กำไรของบริษัทจดทะเบียน

หนึ่ง คือ เรื่องของสภาพคล่อง จากคำพูดของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกสามครั้ง แต่ถ้าดู Fed Fund Future ซึ่งสะท้อนมุมมองของตลาด กลับมองว่า Fed สามารถขึ้นได้อีกครั้งเดียว ซึ่งความเห็นที่ไม่ตรงกันนี้น่าจะสร้างความผันผวนในตลาดเงิน และตลาดหุ้นได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นโอกาสในการทำกำไรเช่นกันหันกลับมาดูสภาพคล่องในประเทศไทย เม็ดเงินหลัก ๆ น่าจะมาจาก Real Sector ในประเทศที่มีการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนมากขึ้น

กลุ่มก่อสร้าง ที่ติดขัดมาทั้งปีหลังเกิดการเปลี่ยนสเปกในก่อสร้างทำให้เกิดความไม่แน่นอนน่าจะกลับมาเดินหน้าเต็มสูบอีกรอบในปีนี้ อีกทั้งการเลือกตั้งในปี 2018 น่าจะ Drive Theme Domestic play ให้เดินหน้าได้เต็มที่ทั้งกลุ่มโรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสาร ที่ยังคงเป็น Laggard Play ในปี 2017 จะสลับมา Bullish อีกรอบ และสอง คือ เรื่องของระดับกำไรบริษัทจดทะเบียน สิ่งที่ผลักดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นต่อเนื่องแบบกระทิงดุอีกปี คือ Corporate Profit ตลาดหุ้นไทยในปี 2018 ก็เช่นกันครับ ถ้ามีความสามารถในการทำกระแสเงินสดดี ๆ กำไรโตต่อเนื่อง ยังไงก็มีเงินไหลเข้ามาซื้อทั้งในและต่างประเทศ

“สิ่งที่ผมอยากเน้นย้ำเวลาอ่านงบเบื้องต้น คือ ความนิ่งของเงินสด และการเติบโตของกำไรของบริษัทสามารถสะกดความผันผวนของราคาได้ และน่าจะดันดัชนี SET Index ไปอย่างน้อยที่ 1780 ภายในไตรมาสแรกนี้”

นางสาวกนิษฐา รอดดำ กรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด ให้มุมมอง SET Index ในปี 2018 โดยใช้ทฤษฎี Elliot Wave อธิบายได้ว่าตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนธันวาคม 2017 SET อยู่ในกรอบ Sideway โดยมีแนวต้านที่ 1,730 จุด และมีแนวรับที่ 1,680 จุด ด้วยทฤษฎี Elliott Wave มองว่า อยู่ใน Wave 5 เมื่อทะลุผ่านแนวต้านไปได้เป้าหมายแรกที่ 1,800 จุดในปี 2018 Sector ที่มีความน่าสนใจ คือ พลังงาน และธนาคาร กลุ่มพลังงาน ที่น่าสนใจอยู่ที่กลุ่มโรงกลั่น และพลังงานทดแทน จากปี 2017

พลังงานทดแทนขึ้นมาอย่างร้อนแรง แต่หลาย ๆ ตัวก็ยังไม่จบ Cycle ขาขึ้น จึงเป็นอีกกลุ่มที่มีความน่าสนใจในการพิจารณาการลงทุน ขณะที่กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่น่าสนใจในทาง Elliott Wave เพราะกำลังอยู่ใน Wave 3

นายจุติ เสนางคณิกร กรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด ให้มุมมองตลาดหุ้นปีหน้าผ่าน SET50 และตลาด TFEX ช่วงไตรมาสแรกของ ปี 2018 จากข้อมูลในอดีตตลาด SET และ SET50 ตั้งแต่ปี 1975-2016 การเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ราคาจะมีทิศทางขึ้นอย่างชัดเจน แต่จะมีการย่อตัวได้เล็กน้อยในเดือนมีนาคม โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาเฉลี่ยสามเดือนอยู่ที่ +2.41%, +0.70% และ -0.27% ตามลำดับ
 
เดือนที่ควรระมัดระวังในการลงทุน คือ เดือนมีนาคม เพราะจากข้อมูลในอดีต จะมีการเปลี่ยนแปลงของราคาในทิศทางลง ดังนั้น การลงุทนในช่วง Q1 ราคาจะมีทิศทางขึ้นในช่วงแรก และจะเริ่มอ่อนแรงลงจนถึงปลายไตรมาสในเชิงของเทคนิคัล ปัจจุบัน ตลาด SET50 ได้ทำการยอมรับกรอบราคาที่ 1,097 จุดไปแล้ว ทำให้ที่ราคา 1,086 จุดกลายเป็นแนวรับสำคัญ และมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,135 จุด หากพิจารณาเปรียบเทียบในเชิงของเทคนิคัล กับข้อมูลในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาใน Q1 นี้จะมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,135 จุดก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น