ซิก้า อินโนเวชั่น เปิดแผนปี 61 เดินหน้าก่อสร้างโรงงาน-ขยายกำลังการผลิต เพิ่มขึ้นอีก 30% หนุนผลงานทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง พร้อมรุกตลาดเหล็กโครงสร้างเอนกประสงค์เต็มตัว เดินหน้าเปิดตลาดใหม่ร้านกาแฟ ร้านค้าสำเร็จรูป สนองความต้องการผู้ประกอบการรุ่นใหม่ยุค 4.0
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2560 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ภาคเอกชน และภาครัฐ เร่งลงทุนก่อสร้าง ทั้งนี้ สินค้าเหล็กของบริษัทฯ มีความแตกต่างจากบริษัททั่วไปที่อยู่ในตลาด
เนื่องจาก ZIGA เป็นผู้จำหน่ายเหล็กโครงสร้างอเนกประสงค์ภายใต้ตราสินค้า “ZIGA” และท่อเหล็กร้อยสายไฟ “DAIWA” โดยสินค้าทุกชนิดทางบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพของสินค้าให้มีความสม่ำเสมอ มีการควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบจากผู้ผลิตที่มีคุณภาพเหล็กโครงสร้างเอนกประสงค์ของ ZIGA เป็นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นต่อการใช้งาน รวมไปถึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาใช้เป็นเหล็กโครงสร้างของฟาร์มปศุสัตว์, โรงเรือนทางการเกษตรชนิดต่าง ๆ แล้ว ยังรวมไปถึงโครงสร้างอาคารสำเร็จรูปที่สามารถประยุกต์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งร้านค้าอเนกประสงค์ และร้านกาแฟสำเร็จรูปอีกด้วย
“ใน 3 สินค้าหลักของ บมจ. ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) ซึ่งประกอบไปด้วยเหล็กโครงสร้างอเนกประสงค์ “ZIGA” และท่อเหล็กร้อยสายไฟ “DAIWA” ยังมีอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราเตรียมนำออกออกมาเปิดตัวเร็ว ๆ นี้นั้น คือ ร้านค้าสำเร็จรูป I Retail ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ภายใต้การร่วมกันพัฒนารูปแบบร่วมกับพันธมิตรรายใหม่ของเรา โดยคาดว่าจะสามารถส่งมอบสินค้าได้ในช่วงต้นปี 2561 ที่จะถึงนี้ และทางบริษัทยังมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ร้านค้าสำเร็จรูป I Retail จะขยับขึ้นมาเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าหลักที่สามารถผลักดันผลประกอบการให้กับบริษัทได้ในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย” นายศุภกิจ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เข้าซื้อที่ดิน จำนวน 5 แปลง พื้นที่ 27 ไร่ มูลค่า 202.32 ล้านบาทสำหรับการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อใช้รองรับแผนขยายกำลังการผลิตที่จะขยายเพิ่มขึ้นอีก 30% ในปี 2561 ซึ่งจะสามารถผลักดันผลการดำเนินงานทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายของ ZIGA เติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากปี 2557 มีรายได้รวม 442 ล้านบาท ปี 2558 รายได้รวมอยู่ที่ 680 ล้านบาท ปี 2559 ขยับเพิ่มเป็น 919 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 746 ล้านบาท