ตลท. รับซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ เริ่มซื้อขาย 20 ธ.ค. ใช้ชื่อย่อ CPT ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO จำนวน 2,070 ล้านบาท
บมจ. ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ (CPT) ผู้ดำเนินธุรกิจประกอบและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับระบบควบคุมไฟฟ้า และเครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 20 ธ.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO จำนวน 2,070 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “CPT”
นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจประกอบและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับระบบควบคุมไฟฟ้า และเครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “CPT” ในวันที่ 20 ธันวาคม 2560
CPT ประกอบและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับระบบควบคุมไฟฟ้า และการทำงานของเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่ ตู้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ควบคุมความเร็วมอเตอร์ (Drives Panel หรือ Motor Speed Control) และอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกลในรูปแบบแรงหมุน (AC/DC Motor) โดยการเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถจัดเก็บข้อมูลในการผลิต ประมวลผล และนำข้อมูลเหล่านั้นไปควบคุมการทำงานของเครื่องจักรในแต่ละส่วนอย่างเหมาะสม เพื่อให้การทำงานของเครื่องจักรสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
CPT มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 450 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 630 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 270 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 243 ล้านหุ้น รวมถึงเสนอขายต่อผู้บริหาร (ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ) และพนักงานของบริษัท บุคคลผู้มีความสัมพันธ์กับบริษัทฯ 27 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 13-15 ธันวาคม 2560 ในราคาหุ้นละ 2.30 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 621 ล้านบาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,070 ล้านบาท โดยมี บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPT เปิดเผยว่า บริษัทมีประสบการณ์ด้านระบบควบคุมเครื่องจักรและระบบไฟฟ้ามานานกว่า 30 ปี และการนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการต่อยอดทางธุรกิจของบริษัทในการขยายโรงงาน และรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ โครงการผลิตตู้ไฟฟ้าชนิดไม่มีโครงสร้างแบบ Metal Clad Switchgear (MCSG) การประกอบตู้ Ring Main Unit (RMU) และการขายระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, พม่า และเขมร เป็นต้น เพื่อขยายฐานลูกค้า และเพิ่มศักยภาพการเติบโตของบริษัท
CPT มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวหลิมประเสริฐ 31.50% กลุ่มครอบครัวปีปทุม 28% และกลุ่มครอบครัววิเชียรเกื้อ 10.50%
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 14.12 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลกำไรสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2559 ถึงไตรมาส 3 ปี 2560 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้เท่ากับ 900 ล้านหุ้น (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.16 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองตามกฎหมายที่กำหนด