หุ้นไทยปิดบวก 2.70 จุด นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหว Sideway ทั้งบวก-ลบ แต่ทิศทางดูดีกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ที่รับ Sentiment เชิงลบจากความกังวลร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ อาจล่าช้า เผยเม็ดเงินจากกองทุน LTF-RMF ยังช่วยประคองตลาด ส่วนสัปดาห์หน้า ต้องติดตามความคืบหน้าปัจจัยในสหรัฐฯ ขณะที่แรงซื้อกองทุนในประเทศอาจเริ่มชะลอในครึ่งหลังของ ธ.ค. ทำให้คาดตลาดจะยังเคลื่อนไหว Sideway ให้แนวรับ 1,690 จุด และแนวต้าน 1,730 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหว Sideway แดนบวกและลบสลับกัน แต่ทิศทางดูดีกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ หลังมีความกังวลร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ ที่อาจมีความล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนคริสต์มาส ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ซึ่งเป็น Sentiment เชิงลบต่อการลงทุนในหุ้น และสินทรัพย์เสี่ยงอื่น
สำหรับตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนจากการเข้ามาซื้อของกองทุนในประเทศ โดยเฉพาะกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ช่วยประคอง Downside ไม่ให้ดัชนีปรับลงมาก ซึ่งนับตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. สถาบันในประเทศเข้ามาซื้อสุทธิค่อนข้างมากถึงราว 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้ดัชนีจะปรับลงแรงได้ค่อนข้างยาก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าแรงซื้อของกองทุนในประเทศอาจชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้ เนื่องจากอาจมีการกันเงินบางส่วนเพื่อรองรับการไถ่ถอน LTF ที่จะครบกำหนดช่วงต้นปี 61 ทำให้คาดว่า กองทุนในประเทศอาจมีเม็ดเงินเพื่อซื้อสุทธิในตลาดหุ้นได้อีกราว 5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,717.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.70 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.16% มูลค่าการซื้อขาย 52,053.95 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในสัปดาห์หน้า คาดว่าดัชนีจะยังแกว่งตัว Sideway โดยต้องติดตามความคืบหน้าร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 22 ธ.ค. หากยังไม่มีแผนอื่นมารองรับก็อาจทำให้หน่วยงานบางแห่งของสหรัฐฯ มีความเสี่ยงต่อการปิดตัวลง รวมถึงการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 21 ธ.ค. นี้ ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 20 ธ.ค. คาดว่าจะไม่ส่งผลต่อภาพรวมตลาดมากนัก โดยมองแนวรับสัปดาห์หน้าบริเวณ 1,690 จุด และแนวต้านที่ 1,730 จุด