บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BEAUTY เป็นหุ้นขนาดกลางยอดนิยมตัวหนึ่ง โดยมูลค่าการซื้อขายคึกคักอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาอยู่ในช่วงขาขึ้นยาวนาน ขยับจาก 9 บาทเศษเมื่อต้นปี ขึ้นมายืนเหนือ 20 บาทในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้า
BEAUTY เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 หลังจากนำหุ้นกระจายสู่นักลงทุนทั่วไปในราคา 8 บาท จากราคาพาร์ 1 บาท ก่อนแตกพาร์เหลือ10 สตางค์ โดยเป็นผู้จำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
ราคาหุ้นตัวนี้ปรับตัวขึ้นตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์วันแรก ตามผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง โดยผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี พ.ศ.2560 เติบโตสูง มียอดรายได้รวม 2,639.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 42.13% มีกำไรสุทธิ 821.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 478.20 ล้านบาท
แม้กำไรงวด 9 เดือนแรกจะขยายตัวสูง แต่ราคาหุ้นไม่ตอบรับมากนัก โดยขยับขึ้นแรงๆในวันที่แจ้งผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกเพียงวันเดียว คือวันที่ 13 พฤศจิกายน ราคาพุ่งขึ้นจาก 17.20 บาท ขึ้นมาปิดที่ 19.60 บาท เพิ่มขึ้น 2.40 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 13.95 % หลังจากนั้นแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ และปิดล่าสุดวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ที่ 19.10 บาท
การที่หุ้น BEAUTY ไม่กระโจนตามผลประกอบการ เนื่องจากราคาปรับตัวอยู่ในระดับสูงแล้ว เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน โดยค่า พี/อี เรโช ล่าสุดอยู่ที่ 56 เท่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 1 % เศษ และราคาต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 43 เท่า
ราคาหุ้นปัจจุบัน จึงเป็นราคาที่นักลงทุนซื้ออนาคต ซื้อแนวโน้มอัตราการเติบโต ซึ่งหากผลประกอบการไม่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง BEAUTY จะเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงทันที
เพราะราคาวิ่งแซงหน้าปัจจัยพื้นฐาน
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย BEAUTY มีทั้งสิ้น 18,069 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 64.46 % ของทุนจดทะเบียน โดยกลุ่มไกรภูเบศเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ผู้ถือหุ้นรายย่อย เพิ่มจำนวนขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา จาก 15 มีนาคม พ.ศ. 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,696 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 52.26 % ขยับขึ้นมาเป็นเกือบ 2 หมื่นราย แสดงว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ทยอยขายหุ้นออกสู่มือนักลงทุนรายย่อย
นักลงทุนที่เข้าไปลุยหุ้น BEAUTY ส่วนใหญ่คาดหวังแนวโน้มผลประกอบการ และหลายปีที่ผ่านมาผลประกอบการเติบโตสูงต่อเนื่องเสียด้วย
เพียงแต่อัตราการเติบโตของผลกำไร ยังวิ่งไล่ราคาหุ้นที่ทัน ทำให้ BEAUTY ราคาค่อนข้างเต็มมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน
แม้ BEAUTY ราคาจะค่อนข้างเต็มมูลค่า แต่นักลงทุนไม่ได้ล่าถอยออกจากหุ้นตัวนี้ เพราะเชื่อว่า จะรักษาผลประกอบให้เติบโตได้ต่อไป เช่นเดียวกับผลงานในหลายปีที่ผ่านมา
การที่ BEAUTY ยังรักษาอัตราเติบโตของผลกำไรได้ เพราะยืนอยู่ในธุรกิจที่ตลาดยังโต โดยดำเนินธุรกิจเครื่องสำอางและอาหารเสริม ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งพร้อมที่จะจ่าย เพื่อความสวยความงามและสุขภาพ ยอดขายจึงไม่ตก
หุ้นในกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง ค่าพี/อี เรโช ที่สูง ไม่เฉพาะหุ้นเก่าเท่านั้น แม้แต่หุ้นน้องใหม่ เช่นหุ้นบริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น DDD ซึ่งนำหุ้นกระจายนักลงทุนทั่วไปในราคา 53 บาท/หุ้น แม้ ค่า พี/อี เรโช สูงกว่า50 เท่า แต่นักลงทุนยังแห่จองซื้อจนล้น
ถึงแม้เศรษฐกิจโดยรวมยังซบเซา กำลังซื้อตกต่ำ แต่ธุรกิจความงามและสุข ภาพยังไปได้ดี หุ้นธุรกิจเครื่องสำอางและสุขภาพ จึงอยู่ในความสนใจของนักลงทุน แม้ราคาจะสูงไปหน่อยก็ตาม
BEAUTY ให้เห็นว่า แม้ราคาแพง แต่นักลงทุนกลับไม่ถอย และพร้อมจะซื้ออนาคตความเติบโตของธุรกิจความงามและสุขภาพ
ส่วนหุ้น DDD จะเป็นน้องใหม่ ที่เข้ามาท้าพิสูจน์ความนิยม หุ้นกลุ่มธุรกิจความงาม ท้าพิสูจน์ว่า หุ้นกลุ่มธุรกิจความงามที่มี ค่าพี/อี เรโช สูง ๆ นักลงทุนจะกล้าลุยกันหรือไม่
