xs
xsm
sm
md
lg

THG หุ้นใหม่ยอดแย่ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หุ้นบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น THG เป็นหุ้นน้องใหม่ตัวล่าสุดที่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่จองซื้อ เพราะตั้งแต่เข้าซื้อขายวันแรก ราคาทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดยังโผล่ไม่พ้นจอง



THG นำหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 85 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท เสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคาหุ้นละ 38 บาท โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ก่อนหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560

ปรากฏว่าเปิดซื้อขายวันแรกที่ 36.75 บาท/หุ้น ขึ้นไปสูงสุดที่ 38.50 บาท/หุ้น และ ปิดที่ 36.75 บาท/หุ้น ต่ำกว่าราคาจอง 1.25 บาท/หุ้น วันต่อมา 8 ธันวาคม ปิดตลาดที่ราคา 33.50 บาท/หุ้น ลดลงอีก 3.25 บาท และวันที่ 12 ธันวาคม ปิดที่ 29.50 บาท/หุ้น รูดลง 4 บาท ก่อนจะกระเตื้องขึ้นวันที่ 13 ธันวาคม โดยปิดที่ 30.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท


แต่ยังต่ำกว่าราคาเสนอขายเกือบ 20%


ราคาหุ้น THG ที่หลุดต่ำกว่าจอง น่าจะเป็นเพราะกำหนดราคาเสนอขายแพงเกินไป เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน

เพราะคำนวณที่ราคา 38 บาท มีค่า พี/อี เรโช ประมาณ 60 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นค่า พี/อี เรโชที่สูง

และผลดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยยอดรายได้และกำไรสุทธิลดลง

หุ้นธนบุรี เฮลท์แคร์ หรือ โรงพยาบาลธนบุรี มีกลุ่มนายแพทย์บุญ วนาสินเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยนายแพทย์บุญเป็นนักลงทุนรายใหญ่และอยู่ในตลาดหุ้นมานาน

ธรรมชาติของนักลงทุนทุกคนคือ ต้องการซื้อถูกและขายแพง เมื่อนายแพทย์บุญ นำหุ้น THG มาเสนอขาย แน่นอนว่า ย่อมต้องการขายในราคาสูง และบริษัทผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ยอมรับการกำหนดราคาหุ้นที่ 38 บาท เสียด้วย

ผลที่ตามมาคือ นักลงทุนที่จองซื้อหุ้น THG บ่นกันขรม ขาดทุนกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งน่าจะได้รับโควตาการจัดสรรหุ้น THG มากที่สุด

หุ้นใหม่ในปีนี้ ภาพโดยรวมยังสร้างผลตอบแทนที่ดี แต่ถ้าเจาะลงไปดูรายละเอียดในภาพย่อย ปรากฏว่า มีหุ้นน้องใหม่นับสิบบริษัท ที่ทำให้นักลงทุนเจ็บเนื้อเจ็บตัว

บางบริษัท เล่นงานนักลงทุนจนเจ็บปางตาย โดย THG เป็นหนึ่งในหุ้นน้องใหม่ที่ทำให้คนจองซื้อสะบักสะบอม


ปีนี้มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และ ตลาด เอ็ม เอ ไอ แล้ว 35 บริษัท โดยมีจำนวน 5 บริษัทที่ประเดิมซื้อขายวันแรก ราคาหลุดจอง และมีจำนวน 15 บริษัทที่ราคาปิดล่าสุด (13ธันวาคม) หลุดต่ำกว่าราคาจอง

หุ้นน้องใหม่ยอดแย่ที่สุดในปีนี้ คงตกเป็นของ บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ETE ซึ่งเสนอขายในราคา 4.20 บาท/หุ้น และเข้ามาซื้อขายวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ราคาปิดที่ 5.75 บาท/หุ้น สูงกว่าจอง 1.55 บาท หรือสูงกว่าจองกว่า 35% แต่หลังจากนั้นราคารูดลง จนปิดล่าสุด (13ธันวาคม) ที่ 2.66 บาท ต่ำกว่าจองเกือบ 40%


ส่วนหุ้นTHG ติดในกลุ่มหุ้นใหม่ยอดแย่อีกตัวหนึ่ง

หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์หรือกลุ่มโรงพยาบาล เป็นหุ้นยอดนิยมอีกกลุ่มที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน เพราะแนวโน้มธุรกิจโรงพยาบาลยังสดใส สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่การที่ THG ฟอร์มไม่ดี เนื่องจากการกำหนดราคา ซึ่งไม่เปิดช่องว่างให้นักลงทุนทำกำไรได้มากนัก จึงเป็นหุ้นใหม่ที่กระแสการตอบรับไม่ดี

และก่อนกระจายหุ้นสู่นักลงทุนทั่วไป THG มีผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิมอยู่จำนวนไม่น้อย ซึ่งผู้ถือหุ้นเดิม  อาจถือโอกาสเทขายหุ้น ทำกำไรออกมา เพราะราคาแถว 38 บาท ผู้ถือหุ้นเดิมคงมีกำไร จนอดใจขายไม่ไหว

หุ้น THG ที่หลุดจอง เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล แม้แนวโน้มการเติบโตยังสดใส แต่ถ้าราคาสูงเต็มเพดานตามปัจจัยพื้นฐาน จะกลายเป็นหุ้นที่ไม่น่าสนใจได้เหมือนกัน

นักลงทุนที่อยากจะเก็บหุ้นโรงพยาบาลต้องปรับมุมมองหุ้นโรงพยาบาลใหม่ เพราะทุกตัวไม่ได้ดีไปทั้งหมด หุ้นโรงพยาบาลเล่นไม่ได้ทุกตัว แต่จะต้องพิจารณาเลือกลงทุนเป็นรายตัว

THG เป็นหุ้นที่ตอกย้ำว่า หุ้นโรงพยาบาล แม้ดูดี แต่ถ้าราคาแพงเกินไป ใครหลงเข้าไปจับ มือพอง เจ็บตัวได้เหมือนกัน


เล่นหุ้นโรงพยาบาล  ถ้าไม่ดูตาม้าตาเรือ มีสิทธิต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวได้เหมือนกัน

กำลังโหลดความคิดเห็น