เจริญโภคภัณฑ์อาหาร คาดปีนี้โกยยอดขาย 5 แสนล้านบาท หรือรายได้โต 10% ตามเป้า เป็นผลจากการเติบโตของกิจการที่ลงทุนในต่างประเทศ พร้อมมุ่งพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สู่เป้าหมาย “ครัวของโลก” ขึ้นแท่นบริษัทผู้ผลิตอาหารชั้นนำของโลก
นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่า CPF เป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก ที่มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มจากเกษตรอุตสาหกรรมสู่อาหารที่มีนวัตกรรม ขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตจากกิจการที่ไปลงทุนในแต่ละประเทศมากขึ้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจด้วยความรับผิดชอบที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัยทางอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน และสังคม
“UN FAO จัดอันดับให้เครือซีพี เป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ซึ่งเราเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ชั้นนำ สุกร ไก่ และกุ้ง ด้วยมาตรฐานสากลและดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล” นายสุขสันต์ กล่าว
ทั้งนี้ CPF เดินหน้าตามกลยุทธ์สร้างการเติบโต ด้วยการเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรครบวงจรที่เน้นในเรื่องคุณภาพและสุขอนามัยของสินค้าอย่างครบวงจรตามมาตรฐานระดับโลก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในตราสินค้าให้กับผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมเร่งการเติบโตและการลงทุนในต่างประเทศให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ ดังจะเห็นได้จากการที่ CPF ได้เข้าไปลงทุนใน 16 ประเทศทั่วโลกแล้ว ประกอบด้วย เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, จีน, อินเดีย, ศรีลังกา, รัสเซีย, ตุรกี, โปแลนด์, เยอรมนี, เบลเยียม, อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา โดยในปีนี้บริษัทเข้าลงทุนเพิ่มในประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่ 17 จากการซื้อกิจการของ Peter Paulsen คาดว่า ปี 2560 บริษัทจะมียอดขายประมาณ 5 แสนล้านบาท เติบโตร้อยละ 10 และยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพสูง ปลอดภัย ป้อนประชากรกว่า 4,000 ล้านคนทั่วโลก
นายสุขสันต์ ย้ำว่า CPF ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ตามปรัชญา 3 ประโยชน์ (ประเทศ ประชาชน และบริษัท) ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน ประกอบด้วย อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน ดินน้ำป่าคงอยู่ โดยปีนี้ CPF ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ หรือ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ขณะเดียวกัน ยังมุ่งพัฒนาทุกกระบวนการผลิตเพื่อตอบสนองต่อความต้องการอาหารตามแนวโน้มประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (มีการคาดการณ์ว่าจะมี 10,000 ล้านคนในปี ค.ศ. 2050) ตลอดจนอัตราการขยายตัวของชุมชนเมือง ทำให้มีความต้องการบริโภคอาหารที่สะดวก และถูกสุขอนามัยมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสของ CPF
นอกจากนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยียังช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดผ่านช่องทาง E-commerce ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ และการนำหุ่นยนต์มาใช้ในสายการผลิต การวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำด้วย Big Data นำไปสู่การบริหารจัดการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการผลิต และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก
ปัจจุบัน CPF มุ่งพัฒนาในทุกด้านเพื่อตอบโจทย์เรื่องอาหารยั่งยืน หรือ Food Sustainability โดยการจัดหาวัตถุดิบตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงอาหารคุณภาพสู่ผู้บริโภค ทุกกระบวนการผลิตคำนึงถึงสังคม และสิ่งแวดล้อม ผนวกกับจุดแข็งจากการดำเนินธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (integration model) ที่มีห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่ยาวที่สุด จากธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ สู่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ จนถึงธุรกิจอาหารแปรรูป ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการ ขณะเดียวกัน ยังมุ่งพัฒนาบุคลากร และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมผลักดันให้เกิดการวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถสู่การเป็นผู้นำระดับโลก