xs
xsm
sm
md
lg

“บล. โกลเบล็ก” มองหุ้นไทยขานรับราคาน้ำมันโลกพุ่ง ให้กรอบดัชนี 1,685 -1,730 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล. โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยหนุนราคาน้ำมันปรับตัวสูงจากการปิดซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำมันดิบที่ทะเลเหนือ บวกรัฐบาลจัดแพกเกจกระตุ้นราคายาง-ราคาปาล์มน้ำมัน และเร่งเซ็นสัญญาโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และได้เม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF-RMF หนุนดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,685-1,730 จุด  

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวที่ระดับสูงจากการปิดซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำมันดิบที่ “North Sea Forties Pipeline System” ราว 1 สัปดาห์ ซึ่งมีกำลังการผลิตกว่า 4.5 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 40% ของปริมาณการใช้น้ำมันใน UK รวมถึงที่ประชุม ครม. รับทราบแพกเกจผลักดันราคายาง-แก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน และในสัปดาห์ถัดไปจะมีการเสนอ ครม. เร่งเซ็นสัญญาโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง 9 สัญญาเพื่อให้เริ่มก่อสร้างได้ทันทีหลังลงนาม และเม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF และ RMF หนุนดัชนีในช่วงปลายปี

ส่วนปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจากนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 85% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) 0.25% ในการประชุมเฟดครั้งสุดท้ายของปี และคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีหน้า ประกอบกับใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ รวมทั้ง Fund Flow ผันผวน ในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติ Net Sell ราว 2.2 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 14 ธ.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ และ กกพ. ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกในโครงการ SPP Hybrid Firm รวมถึงสหรัฐฯ และอียู มีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้น-ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน ธ.ค. และในวันที่ 22 ธ.ค. จับตาประเด็นชัตดาวน์สหรัฐฯ

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวที่ระดับสูง รัฐบาลเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่อเนื่อง และเม็ดเงินเข้าซื้อกองทุน LTF และ RMF ในช่วงปลายปีช่วยพยุงตลาด โดยมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ยังผันผวน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในปลายปีนี้และปีหน้า ดังนั้น ประเมินว่า SET ในสัปดาห์นี้จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,685-1,730 จุด

ทั้งนี้ แนะนำลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้าที่ผ่านคุณสมบัติ SPP Hybrid ประกาศผล 14 ธ.ค. ได้แก่ SSP และ PSTC หากเป็นผู้ชนะประมูล รวมถึงหุ้นที่มีโอกาส Window dressing ได้แก่ SCB, KTB, PTTEP นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นเข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Large Cap ได้แก่ EA ส่วนดัชนี FTSE SET Mid Cap ได้แก่ BGRIM, ORI, PRM, RATCH, RS, TOA มีผล 18 ธ.ค. และหุ้นที่มีลุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 ที่จะประกาศราวกลาง ธ.ค. ได้แก่ SAWAD, TPIPP, CENTEL

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า สัปดาห์นี้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยต่อเป็นหนที่ 3 ในรอบปีนี้อีก 0.25% ซึ่งตลาดคาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่ความเสี่ยงต่าง ๆ ที่สหรัฐฯเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการประกาศให้เยรูซาเลม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ และความกังวลเรื่อง shutdown ที่จะกลับมาอีกครั้งในปลายสัปดาห์หน้า ยังเป็นปัจจัยหนุนให้มีการเข้าถือเงินสกุลดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์สภาพคล่องก่อนปิดสิ้นปี

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของปี โดยสัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของประธาน Fed คนปัจจุบัน และว่าที่ประธาน Fed ที่กำลังจะเข้ารับไม้ต่อในปีหน้าว่าจะมีการปรับเปลี่ยนความเร็วของการขึ้นดอกเบี้ย หรือเพิ่มเติมแนวนโยบายการเงินอย่างไร

สำหรับมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำมีโอกาสรีบาวนด์ได้ในกรอบจำกัดระหว่าง 1,240-1,260 ดอลลาร์สหรัฐฯ จึงแนะนำให้ trading ในกรอบดังกล่าว โดยถ้าราคาขึ้นเหนือ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ปรับมาเน้นเก็งกำไรแบบ swing long แต่ถ้าราคาลงต่ำกว่า 1,240 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ปรับมา short โดยมีแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น