ดี-แลนด์ฯ ขยายพอร์ตธุรกิจค้าปลีก แตกแบรนด์ใหม่ “พอร์โต้ โก” ยึดทำเลรอบกรุงเทพฯ-จังหวัดใหญ่-หัวเมืองท่องเที่ยว ชูคอนเซ็ปต์ดีไซน์สไตล์ท้องถิ่นเน้นเจาะกลุ่มนักเดินทางและคนรุ่นใหม่ประเดิม “พอร์โต้ โก” สาขาแรกย่านบางปะอิน พร้อมรีโซนนิ่งพลิกโฉม “พอร์โต้ ชิโน่” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่
นายสุเทพ ปัญญาสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้บริหาร “พอร์โต้ ชิโน่” (Porto Chino) ที่สุดของไลฟ์สไตล์มอลล์ ย่านพระราม 2 จังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า บริษัทฯ ได้แตกแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “พอร์โต้ โก” (Porto Go) เป็นคอมเมอร์เชียลครบวงจรรูปแบบใหม่ริมถนนสายหลัก ที่มีทั้งสถานีบริการน้ำมัน ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ก็มีร้านอาหาร ร้านฟาสต์ฟู้ด ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ และร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม เน้นเจาะกลุ่มนักเดินทางและคนรุ่นใหม่บนทำเลศักยภาพครอบคลุมรัศมีพื้นที่ไม่เกิน 50 กิโลเมตร รอบกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ รวมถึงจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว โดยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2560ได้นำร่องเปิดให้บริการ “พอร์โต้ โก” สาขาแรกที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดอยุธยา ติดถนนสายเอเชียขาออก ห่างจากวงแหวน 2 กิโลเมตร ด้วยคอนเซ็ปต์ดีไซน์ในสไตล์ท้องถิ่นบนเนื้อที่ 30 ไร่ งบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาทโดยในเบื้องต้นมีจะร้านค้าในกลุ่มต่าง ๆ เปิดให้บริการจำนวนกว่า 20 ร้านค้า
สำหรับ “พอร์โต้ โก” จะแตกต่างจากจุดแวะพักระหว่างการเดินทาง (RestArea) บนถนนไฮเวย์ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน ด้วยร้านค้า และเซอร์วิสต่าง ๆ ที่เข้ามาเปิดให้บริการใน “พอร์โต้ โก” รวมถึงความหลากหลายของร้านค้าแมกเน็ตทั้งแบรนด์ต่างประเทศ และในประเทศ โมเดลแบรนด์ไดร์ฟทรู (Drive Thru) อาทิ สตาร์บักส์, แมคโดนัลด์ โดยแบรนด์ร้านค้าที่มาร่วมกับ “พอร์โต้ โก” ส่วนใหญ่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เปิดให้บริการที่พอร์โต้ ชิโน่ มาก่อน และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกันทั้งในรูปแบบไดร์ฟทรู และรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงร้านอาหารที่บริษัทฯ เป็นผู้บริหารงานเอง โดยใช้ชื่อว่า “ร้านสดอร่อย” ที่เน้นในเรื่องความสะอาด สดใหม่ และปลอดภัย ซึ่งบรรดาร้านค้าที่เป็นแมกเน็ตเหล่านี้จะเข้ามาเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยกันเติมเต็มความต้องการให้กับผู้บริโภคได้ครบถ้วน และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
“จากการรีเสิร์ชข้อมูลในถนนสายหลัก ๆ ซึ่งมีรถวิ่งเฉลี่ย 14.8 ล้านคันต่อปี (เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ) หรือประมาณกว่า 40,000 คันต่อวัน พบว่า เกือบ 100% จอดแวะพักระหว่างการเดินทางเพื่อเข้าห้องน้ำ และทำกิจกรรมอื่น เช่น แวะพักผ่อนเพื่อเติมความสดชื่นระหว่างเดินทาง รับประทานอาหาร และซื้อกาแฟ มีเพียง 30% เท่านั้นที่เข้ามาเพื่อเติมน้ำมัน ดังนั้น โจทย์หลักของบริษัทฯ คือ ทำอย่างไรจะรองรับส่วนนี้ให้มากที่สุด พอร์โต้ โก จึงออกมาในรูปแบบของคอมเมอร์เชียล หรือการค้าโมเดลใหม่บนไฮเวย์ ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำสะอาด, ปั๊มน้ำมัน, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร, ร้านค้าแบรนด์ดัง หรือแม้กระทั่งร้านเสื้อผ้า เพื่อสร้างประสบการณ์การพักผ่อนระหว่างการเดินทางที่จะมีความแปลกใหม่ และสามารถตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการ” นายสุเทพ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท ในการปรับโฉม “พอร์โต้ ชิโน่” ด้วยการปรับโลโก “พอร์โต้ ชิโน่” ให้ดูสนุกสนาน และมีสีสันเพิ่มขึ้น รวมทั้งการรีโซนนิ่งบนพื้นที่ประมาณ 17,000 ตร.ม. เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า และเพิ่มฟังก์ชันให้ครบสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยประกอบด้วย 12 ฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่ 1. Parking Building ที่สามารถรองรับรถได้ 800 คัน 2. Signage System สื่อสารทุกรายละเอียดอย่างชัดเจนผ่านป้ายเพดาน และผนังกราฟิกบอกตำแหน่งร้าน 3. Pick-Up Service รับจองและสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน โทรศัพท์ หรือไลน์ พร้อมบริการเจ้าหน้าที่รับส่งสินค้า ณ จุดรับส่งสินค้า 4. บริการรถเข็นสำหรับผู้สูงอายุและเด็ก 5. Afterwork Community แหล่งแฮงเอาต์หลังเลิกงาน 7. Pop-Up Store พื้นที่สำหรับ SME, Start Up และอาชีพอิสระ 8. สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ 9. พื้นที่สวนสีเขียวสำหรับพักผ่อน พร้อมฟรี Wi-Fi 10. พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง 11. โซนจัดอีเวนต์ใหม่ และ 12. ชุดยูนิฟอร์มใหม่สำหรับพนักงาน
อนึ่ง ตามเป้าหมายธุรกิจจะเปิดสาขา 20 สาขาภายใน 5 ปี บริเวณรอบกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ รวมถึงหัวเมืองท่องเที่ยว ด้วยงบฯ ลงทุน 400 ล้านบาทต่อสาขา หรือรวม 8,000 ล้านบาท.