xs
xsm
sm
md
lg

ที.ซี.เจ. เอเซีย ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โตไม่ต่ำกว่า 10%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ที.ซี.เจ. เอเซีย คาดผลงานไตรมาส 4 สดใส หนุนทั้งปีรายได้โตเกิน 10% หลังกำไรไตรมาส 3 กำไพุ่ง 1,054% ด้าน 2 ผู้บริหาร คาดปีนี้พลิกกลับมากำไร หลัง Q3/60 รายงานให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำไรโดดเด่น ด้าน “ทัสชน ลีลาประชากุล” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ วางเป้าหมายรายได้ปี 2561 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% มั่นใจศักยภาพในการเติบโตที่ดี แถมรับงานขุดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม-สีชมพู ทยอยส่งมอบต่อเนื่อง

ดร. ทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.ซี.เจ. เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ TCJ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/60 ด้วยเหตุปัจจัยการดำเนินธุรกิจยังไม่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้บริษัทฯ มั่นใจว่า ผลการดำเนินงานปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดรายได้จะเติบโต 10% และคาดจะพลิกกลับมามีกำไรจากปี 59 ที่มีผลขาดทุน 2.20 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจนำเข้า ส่งออก จำหน่ายเครื่องจักรกลที่ใช้ในงานก่อสร้าง และธุรกิจนำเข้า ส่งออก แปรรูป จำหน่ายและติดตั้งสินค้าประเภทเหล็กกล้าไร้สนิม เติบโตต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 มีกำไร 16.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/59 มีกำไร 1.42 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 1,054.22% ส่งผลให้งวด 9 เดือนมีกำไร 41.81 ล้านบาท จาก 9 เดือนปีก่อนมีกำไร 9.97 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,175.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 920.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.8% เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับแรงหนุนจากรายได้จากกลุ่มโลหะ และงานรับเหมา เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรเติบโตในทิศทางที่ดีสะท้อนถึงพื้นฐานของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่ง

“กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทโลหะ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ค้าส่งสินค้าเหล็ก และกลุ่มผู้รับเหมาขึ้นรูปและโรงงาน ซึ่งเราพบว่า ลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มยังมีการเติบโตที่ดี และยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกในอนาคต จากโครงการลงทุนภาครัฐฯ” ดร. ทรงวุฒิ กล่าว

นายทัสชน ลีลาประชากุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เปิดเผยว่า TCJ ได้รับงานเครื่องจักรอุตสาหกรรมหนัก ประเภทรถขุดในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม, รถไฟฟ้าสายสีชมพู และมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช โดยงานดังกล่าวได้เริ่มเข้าหน้างานแล้วปีนี้ และคาดจะเข้าหน้างานมากขึ้นในปีหน้า สอดคล้องกับงานโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เพราะบริษัทรับงานต่อจากผู้รับเหมารายใหญ่ คือ การเป็นผู้รับเหมาช่วง โดยมีงานเช่ารถ เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้า งานรถไฟทางคู่ และงานมอเตอร์เวย์ ในช่วงที่ผ่านมา และปัจจุบันมีงานตบแต่งสถานีสนามไชย ที่จะทยอยส่งมอบไปถึงกลางปี 2561 น่าจะสนับสนุนต่อการเติบโตในระยะยาว

อีกทั้ง บริษัทฯ คาดปริมาณงานก่อสร้างกำลังเพิ่มขึ้นตามโปรเจกต์งานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาลและโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของภาครัฐ

“งานของบริษัทฯ ที่ได้รับมานั้น นอกจากงานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) แล้วยังมุ่งเน้นที่งานก่อสร้างเชิงราบ เช่น หมู่บ้านจัดสรร โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยสัดส่วนในปีนี้ จะอยู่ที่งานโครงสร้างพื้นฐานประมาณ 30% งานอื่น ๆ ที่ไม่ใช่โครงสร้างพื้นฐานอีก 70% ถึงแม้ว่างานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ กรอบเวลาจะไม่เป็นไปตามที่กำหนด ซึ่งบริษัทก็ยังรับงานจากโครงการที่อยู่อาศัย โครงการเชิงพาณิชย์อื่น ซึ่งจุดแข็งของบิ๊ก เครน ได้แก่ สินค้า (เครื่องจักรอุตสาหกรรมหนัก รถเครน รถยก) ของเรามีคุณภาพ และค่อนข้างมีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า นอกเหนือจากนั้น บุคลากรของบริษัทฯ ต้องมีทักษะ และความเป็นมืออาชีพ บวกกับระบบการจัดการที่ดี จึงทำให้บริษัทฯ ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศที่ให้บริการในลักษณะนี้” นายทัสชน กล่าว

นายทัสชน กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ปี 2561 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยการเติบโตในช่วงปี 2560 ถือว่าเป็นไปตามคาด และหากพิจารณาการเติบโตรายได้ ณ ปัจจุบัน มีอัตราเติบโตกว่า 17% ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่า บริษัทฯ ยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีตามอุตสาหกรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น