xs
xsm
sm
md
lg

"หุ้น FC อยู่ได้อย่างไร" / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หุ้นบริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น FC กำลังปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ โดยอยู่ระหว่างทำรายการแบ็คดอร์ลิสติ้งหรือเข้าตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อม

สาระสำคัญรายการแบ็คดอร์ลิสติ้ง คือ FC จะเพิ่มทุนจำนวน 14,881,481,481 หุ้น ราคาพาร์ 1 บาท เสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด ในราคาหุ้นละ 27 สตางค์ คิดเป็นมูลค่า 4,018 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทน บริษัท ไพร์ม โรด แคปปิตอล จำกัด นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ นายสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ ในการโอนหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดให้ FC

การเพิ่มทุนของ FC  เป็นการนำหุ้นชำระค่าทรัพย์สินแทนเงินสด

การปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้ จะทำให้ บริษัท ไพร์ม โรด แคปปิตอล จำกัดโดย นายสมประสงค์ และ นายสุรเชษฐ์ ก้าวขึ้นมาเป็นถือหุ้นใหญ่ใน FC ซึ่งถือหุ้นสัดส่วนรวมกันทั้งสิ้น 87.45% ของทุนจดทะเบียน และต้องจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ในราคาหุ้นละ 27 สตางค์

FC ดำเนินธุรกิจด้านร้านอาหารมายาวนาน  การแบ็คดอร์ลิสติ้ง ครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนธุรกิจหลักใหม่ โดยจะมีรายได้หลักจากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียนแทน ซึ่งดูเหมือนจะดี แต่ผู้ถือหุ้นกลับไม่ตอบรับการตัดสินใจของคณะกรรมการบริษัท และทยอยกันขายหุ้นออก จนราคาหุ้น FC ฟุบลง นับตั้งแต่ประกาศข่าวแบ็คดอร์ฯ

โครงสร้างผู้ถือหุ้น FC ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 4,539 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 67.98%  ของทุนจดทะเบียน โดยกลุ่มศรีชวาลาถือหุ้นใหญ่

หุ้น FC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2548 หลังจากนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคา 7 บาท (พาร์ 1บาท) แต่หลังจากเข้ามา ราคาหุ้นทรุดลงต่อเนื่อง ขณะที่ผลประกอบการบริษัทที่ขาดทุนหลายปีติดต่อกัน จนมียอดขาดทุนสะสมกว่า 2,006 ล้านบาท

พฤติกรรมที่น่าจับตาของฝ่ายบริหารหุ้น FC คือ ประกาศเพิ่มทุนถี่ยิบปี 2557 เพิ่มทุน 4 ครั้ง ปี 2558 เพิ่มทุน 1 ครั้ง และปี 2560 เพิ่มทุน 1 ครั้ง นำหุ้นเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนกว่า 391 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 55 สตางค์ แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยรู้ทันเกมสูบเงิน ส่วนใหญ่จึงสละสิทธิจองซื้อ ทำให้หุ้นใหม่ขายได้เพียง 115 ล้านหุ้น

หลังจากเพิ่มทุน คณะกรรมการบริษัท ฯ ได้โยกเงินไปซื้อกิจการร้านอาหาร ทั้งสาขาต่างประเทศและในประเทศ เป็นเงินประมาณ 8.5 ล้านดอลลาร์

ราคาหุ้น FC ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 30-60 สตางค์ ล่าสุดวันพฤหัสที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาปิดในราคา 52 สตางค์/หุ้น

การประกาศแบ็คดอร์ฯ กิจการไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ไม่ได้เป็นข่าวดี กระตุ้นราคาหุ้นแต่อย่างใด และอาจถือเป็นข่าวร้ายของนักลงทุน

เพราะไม่รู้ว่าการออกหุ้นใหม่จำนวน 14,881.48 ล้านหุ้น มูลค่า 4,018 ล้านบาท เพื่อซื้อธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนนั้น คุ้มค่ากันหรือไม่

ราคาทรัพย์สินที่ซื้อมา เหมาะสมและยุติธรรมต่อผู้ถือหุ้นเพียงใด และการทำธุรกรรมแบ็คดอร์ลิสติ้งครั้งนี้ มีความโปร่งใสหรือไม่

ผลกระทบที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเห็นขณะนี้คือ  การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ โดยผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่ ซึ่งจะตั้งรับซื้อหุ้นคืนในราคาเพียง 27 สตางค์/หุ้น เท่านั้น

ทำไมคณะกรรมการและฝ่ายบริหาร FC จึงทำร้ายจิตใจผู้ถือหุ้นรายย่อย

ทำไมไม่ตั้งราคาหุ้นเพิ่มทุนที่จะนำไปแลกกับทรัพย์สิน ที่จะแบ็คดอร์ฯเข้ามาในราคาที่สูง ใกล้เคียงกับราคากระดาน

ทำไมจึงกดราคาหุ้น FC ที่จะนำไปแลกซื้อธุรกิจใหม่ มีข้อตกลงอะไรที่ไม่เปิดเผยกันหรือไม่

FC เป็นผลิตผลของตลาด mai และเข้ามาสูบเงินจากนักลงทุนไปไม่น้อย ใครเข้าไปแตะ ใครหลงเข้าไปเก็งกำไร  พลาดท่าเข้าไปซื้อไว้ ส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย

สิ่งที่น่าแปลกใจคือ เมื่อผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง เหตุใดจึงเพิ่มทุนสูบเงินนักลงทุนมาได้ตลอด ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

รายการแบ็คดอร์ลิสติ้งที่กำลังดำเนินอยู่  เป็นไพ่ใบใหม่ที่ฝ่ายบริหาร FC นำออกมาเล่น เพียงแต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยอาจไม่อยากเล่นด้วยแล้ว จึงทยอยขายหุ้นทิ้ง

จะไม่ทิ้งหุ้นได้อย่างไร เมื่อคณะกรรมการ FC ตั้งราคารับซื้อหุ้นคืนไว้ที่ 27 สตางค์/หุ้น เท่านั้น  ไม่ขายตอนนี้ จะไปรอขายตอนเทนเดอร์ออฟเฟอร์ให้ผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่หรือ

รายการแบ็คดอร์ลิสติ้งของ FC ครั้งนี้ ก.ล.ต. ควรตรวจสอบดูว่า เป็นธุรกรรมที่ไม่โปร่งใส และทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเสียประโยชน์หรือไม่

กำลังโหลดความคิดเห็น