บลจ. วรรณ เผยเลือกตั้ง-ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ดันตลาดหุ้นปีหน้าสดใส แตะ 1,800 จุด พร้อมแนะเฝ้าระวังปัจจัยต่างประเทศ
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด คาดปีหน้า ตลาดหุ้นไทยสดใสเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1,800 จุดขึ้นไป จากเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตได้ดี ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยว ยังเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ ปัจจัยภายนอก ทั้งการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ เช่น เกาหลีเหนือ กับสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรน่ากังวล
ปัจจุบัน บลจ. วรรณ มีบัญชีที่อยู่ในความดูแลประมาณ 20,000-30,000 บัญชี ส่วนใหญ่คนไทยยังนิยมลงทุนในกองทุนตราสารหนี้มากกว่ากองทุนประเภทอื่น ๆ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทุกระดับ สำหรับปีหน้า มีแผนเสนอขายกองทุนลักษณะรูปแบบเฉพาะ (Thematic Fund) อย่างต่อเนื่อง โดยจะออกกองทุนใหม่ปีหน้าไม่น้อยกว่า 10 กองทุน เช่น กองทุนที่จะไปลงทุนในกองทุนที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น เพราะมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่ปรับตัวดี พื้นฐานแข็งแกร่ง พร้อมแนะนำนักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงการลงทุน ศึกษาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีผลประกอบการดีต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี คาดมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ของ บลจ. วรรณ น่าจะอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีสัดส่วนของธุรกิจกองทุนรวมประมาณร้อยละ 40 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ร้อยละ 30 และกองทุนส่วนบุคคล ร้อยละ 30 และปี 2561 ตั้งเป้าการเติบโตของ AUM ประมาณร้อยละ 10 หรือเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 110,000 ล้านบาท
พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาระบบ Mobile Application เพิ่มช่องทางซื้อขายกองทุนรวม ด้วยการเปิดตัว ONEAM Mobile Application ซื้อขาย สับเปลี่ยน พอร์ตการลงทุน และติดตามราคา NAV รวมถึงมุมมองของตลาดภาพการลงทุนได้ทุกวัน และทันสถานการณ์การลงทุนต่าง ๆ รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่ม Young Generation
นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด กล่าวว่า ช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวประมาณ 1,700 จุด จึงดึงดูดให้นักลงทุนนิยมลงทุนใน RMF-LTF จำนวนมาก ซึ่งมองว่า ปัจจัยภายในประเทศทั้งการเลือกตั้ง การบริโภคภายในประเทศที่สูงขึ้น และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นบวก ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยให้สดใสต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 1/2561
ขณะที่ปีหน้า คาดว่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 31-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งยังต้องติดตามนโยบายภาษีสหรัฐฯ ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ถ้าประสบความสำเร็จจะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าแบบค่อยเป็นค่อยไป