คณะกรรมการ บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น IEC ยืนกรานไม่เลือนกำหนดวันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน จนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องกำชับสำทับความรับผิดชอบในความเสียหายของผู้ถือหุ้นที่จะจ่ายเงินจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกครั้ง
IEC อยู่ระหว่างเพิ่มทุนจำนวน 203.519 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 1.25 สตางค์ กำหนดวันจองซื้อระหว่าง 23-29 พฤศจิกายนนี้ โดยก่อนหน้านี้ ตลาดหลักทรัพย์ขอให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มทุนเกี่ยวกับการเพิ่มทุนแล้ว
เพราะมีปัญหา ผู้ถือหุ้นร้องคัดค้านการเพิ่มทุน จนไม่สามารถจดทะเบียนเพิ่มทุนได้
คณะกรรมการ IEC อ้างว่า ต้องดำเนินการตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งกำหนดเงื่อนเวลาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนไว้แล้ว ส่วนการป้องกันความเสียหายผู้ถือหุ้นที่ชำระเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนนั้น ได้เตรียมเก็บเงินค่าจองซื้อหุ้นไว้ และจะคืนให้ผู้ถือหุ้นภายใน 30 วัน นับจากไม่สามารถจดทะเบียนเพิ่มทุนได้ พร้อมดอกเบี้ย 1.4% ต่อปี
แม้จะมีแนวทางป้องกันความเสียหายของผู้ถือหุ้น ที่จ่ายเงินจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้ว แต่ ก.ล.ต. ยังไม่มั่นใจ จึงเตือนคณะกรรมการ IEC แต่ละคน ย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง เพราะถ้าไม่สามารถคืนเงินให้ผู้ถือหุ้นได้ ก.ล.ต.จะดำเนิคดีตามความผิดอย่างเข้มงวด
นอกจากนั้นยังเรียกร้องให้ผู้ถือหุ้น พิจารณาการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนด้วยความระมัดระวัง
การเพิ่มทุนของIEC ถูกเฝ้าจับตาจากตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต. โดยเฉพาะเมื่อ บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น APURE เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยประกาศใส่เงิน 30 ล้านบาท ซื้อหุ้นเพิ่มทุน IEC กับ APURE มีความเกี่ยวโยงกัน เพราะนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งสองบริษัท และเป็นบิดานายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ IEC
APURE ชี้แจงข้อมูลให้ตลาดหลักทรัพย์ถึงเหตุผลการซื้อหุ้นเพิ่มทุน IEC โดยระบุว่า ข้อมูลงบการเงินของ IEC ที่ประกาศล่าสุดเมื่อสิ้นวันที่ 31 มีนาคม 2559 เพียงพอที่จะประเมินฐานะของ IEC ได้ และธุรกิจพลังงานทางเลือกยังมีอนาคตที่ดี และการลงทุนมีโอกาสกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น
เพราะราคาหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายเพียง 1.25 สตางค์ แต่ราคาหุ้น IEC ปิดครั้งสุดท้าย เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2559 ราคาปิดที่ 2 สตางค์
คำชี้แจงการใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน IEC ของฝ่ายบริหาร APURE ฟังดูข้างๆ คูๆ เพราะการจะซื้อทรัพย์สิน ซื้อกิจการ หรือลงทุนในธุรกิจ ต้องทำดีลดิลิเจนท์ หรือตรวจสอบฐานะและทรัพย์สินล่าสุด
แต่ APURE กลับใช้ข้อมูลฐานะ IEC ย้อนหลังกว่า 1 ปี 6 เดือน เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ทั้งที่ช่วงเวลาปีเศษ IEC มีข่าวฉาวโฉ่มากมาย ไม่สามารถส่งงบการเงินได้ 6 ไตรมาสติดต่อกัน มีคดีอดีตผู้บริหารยักยอกทรัพย์ และผลดำเนินงานกลับมาขาดทุนอีกด้วย
ฐานะการเงินที่แท้จริงของIECเป็นอย่างไร จึงไม่มีใครรู้
ส่วนข้ออ้างว่า หวังได้กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นนั้น ถ้าหุ้น IEC กลับมาซื้อขาย ราคาทรุดลงเหลือ 1 สตางค์ ผู้ถือหุ้น APURE ได้รับความเสียหาย คณะกรรมการ APURE จะตอบผู้ถือหุ้น จะชดใช้ความเสียหายให้ผู้ถือหุ้นหรือไม่
ถ้า "กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจ" ไม่ถือหุ้นใน IEC ถ้าลูกชายนายโกมล ไม่นั่งในตำแหน่งประธานกรรมการ IEC และถ้าไม่มีความเกี่ยวโยงระหว่าง IEC กับ APURE คณะกรรมการ APURE จะมีมติซื้อหุ้นเพิ่มทุน IEC หรือ
อีกไม่กี่วัน หุ้นเพิ่มทุน IEC จะปิดการจองซื้อแล้ว โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่คงสละสิทธิ เพราะสถานการณ์ IEC ไม่น่าไว้วางใจ ไม่เห็นอนาคต การควักเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนจึงมีความเสี่ยง
จะมีแต่ APURE เท่านั้นที่จะใส่เงิน เพราะมีวาระพิเศษ
แต่ใครก็ตามที่ใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน IEC หากนายทะเบียนบริษัทมหาชน ไม่รับจดทะเบียนหุ้น ภายใน 30 วัน ฝ่ายบริหาร IEC ต้องคืนเงินผู้ถือหุ้นทุกราย พร้อมดอกเบี้ย 1.4% ต่อปี
ถ้าคณะกรรมการ IEC ไม่ส่งเงินคืนผู้ถือหุ้น เตรียมรับข้อกล่าวหาความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและความรับผิดชอบได้
คณะกรรมการ IEC ทุกคนต้องจำไว้ ก.ล.ต. เตือนพวกคุณแล้ว เมื่อยืนกรานที่จะเดินหน้าสูบเงินอย่าสร้างความเสียหายให้ผู้ถือหุ้น IEC แล้วกัน
ถ้าผู้ถือหุ้น IEC เสียหาย เจอดี ก.ล.ต.แน่