ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. นับ 1 แบบไฟลิ่ง ด้านผู้บริหารชูจุดแข็งด้านความหลากหลายของระบบควบคุมเครื่องจักรและระบบไฟฟ้า เตรียมแผนซื้อที่ดินขยายโรงงาน และเครื่องจักร รุกขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท บมจ. ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ หรือ CPT เปิดเผยว่า ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน CPT ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหุ้น ซึ่งล่าสุด ก.ล.ต. ได้นับ 1 แบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อย
ปัจจุบัน บมจ. ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ มีทุนจดทะเบียน 450 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 900 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น โดยมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 315 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 270 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
ทั้งนี้ CPT จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ แบ่งวัตถุประสงค์การใช้เงินเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1. การลงทุนซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ และซื้อเครื่องจักรเพื่อการผลิตตู้ไฟชนิดไม่มีโครงสร้าง Metal Clad Switchgear (MSCG) และการประกอบ Ring Main Unit (RMU) ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 2. ใช้เพื่อการขยายตลาดต่างประเทศ และ 3. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ที่ปรึกษาทางเงิน กล่าวว่า บมจ. ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ มีแผนนำเสนอข้อมูลและทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้แก่นักลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเริ่มต้นในวันที่ 28 พ.ย. นี้ จะโรดโชว์ที่จังหวัดชลบุรี, ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ ที่จังหวัดขอนแก่น, วันที่ 30 พ.ย. ที่จังหวัดสงขลา, วันที่ 1 ธ.ค. นี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ และปิดท้ายที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 12 ธ.ค. นี้ ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการระบบไฟฟ้ากำลังสำหรับควบคุมเครื่องจักร ครอบคลุมถึงการจำหน่ายอุปกรณ์และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย โดยแบ่งธุรกิจเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจขายตู้ไฟฟ้า (Panel) ที่มี 2 ประเภท ได้แก่ ตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมเครื่องจักร และตู้ไฟฟ้าแรงดันต่ำ และแรงดันปานกลาง 2. ธุรกิจการขายสินค้าสำเร็จรูปประเภทหน่วย (Unit) โดยบริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าสำเร็จรูปประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ควบคุม เช่น ตัวปรับความเร็วมอเตอร์กระแสสลับแรงดันต่ำและแรงดันปานกลาง (LV&MV Inverter) และอุปกรณ์ควบคุมอัตโนมัติ (PLC)
3. ธุรกิจให้บริการรับเหมาและติดตั้งสายไฟ (Cable Installation) และการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) ขนาดความดัน 69-115 KV ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยแบบ Turnkey Project รวมถึงเป็นผู้ออกแบบและประกอบตู้ควบคุมไฟฟ้า พร้อมระบบเพื่อป้องกันความผิดพลาด (Protective Relays) การแสดงผล/ควบคุมและการวิเคราะห์ (SCADA) ผ่านระบบใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) รวมถึงให้บริการวางรากฐาน ติดตั้งสายไฟสำหรับงานประกอบตู้ไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปและสถานีไฟฟ้าย่อย และ 4.ธุรกิจจากการให้บริการและซ่อมแซม
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีจุดแข็งในด้านประสบการณ์ของทีมผู้บริหารที่อยู่ในธุรกิจมานานกว่า 30 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญในด้านความหลากหลายของระบบควบคุมเครื่องจักร และระบบไฟฟ้า เพื่อการออกแบบ ผลิตตู้ไฟฟ้าของระบบควบคุมและไฟฟ้ากำลังที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตให้แก่ลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายใต้หลักบริหารจัดการที่ดีจากฐานการผลิตของโรงงานตนเอง ส่งผลให้สามารถควบคุมต้นทุน คุณภาพและระยะเวลาในการผลิตได้เป็นอย่างดี เพื่อส่งมอบสินค้าได้ตรงต่อเวลา ช่วยสร้างความพึงพอใจ และความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
“เรามีวิสัยทัศน์เป็นผู้นำด้านการผลิตตู้ไฟฟ้า ระบบควบคุมเครื่องจักร และระบบไฟฟ้า ที่มุ่งเน้นการแข่งขันได้ทั้งราคา คุณภาพ การบริการ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า พร้อมทั้งมีแผนขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ ๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รองรับแผนขยายฐานลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งในประเทศ และแถบภูมิภาคอาเซียน” นายสมศักดิ์ กล่าว