TAKUNI คาดรายได้ปี 61 ทรงตัวจากปีนี้ตามดีมานด์ LPG ยังชะลอตัว เน้นขยายลงทุนธุรกิจอื่นเพิ่ม
นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) คาดว่า ทิศทางผลประกอบการในปี 61 ในด้านรายได้จะยังทรงตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ เนื่องจากทิศทางความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะลดลงใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 15% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะเน้นการขยายกิจการอื่น ๆ ในกลุ่มมากขึ้น โดยในธุรกิจขนส่ง LPG ที่ชะลอตัวลงตามปริมาณการขายที่ลดลงนั้น บริษัทฯ ก็มาปรับเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่น ๆ มากขึ้น อาทิ การขนส่งแอมโมเนียและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 10%
ธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง ให้บริการในธุรกิจก๊าซและน้ำมัน ในลักษณะ Engineering Procurement Construction (EPC) ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานก่อสร้าง มูลค่าราว 500-600 ล้านบาท แต่ในส่วนนี้ยังต้องรอความชัดเจนจากผู้ประกอบการรายดังกล่าวก่อน
ธุรกิจบริการทดสอบและตรวจสอบด้านความปลอดภัยทางวิศวกรรม จะรุกเข้าหาลูกค้ารายใหม่ ๆ เพิ่ม โดยบริษัทฯ เตรียมที่จะเปิดสำนักงานในจังหวัดระยอง 1 แห่งในปี 61 ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถขยายฐานผู้ใช้บริการได้มากขึ้น
ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เพื่อที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกบนที่ดินทำเลย่านบางแคแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ใกล้ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางแค หลังจากเข้าซื้อที่ดินไว้แล้ว โดยคาดหวังว่าจะเห็นความชัดเจนในไม่ช้า โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวน 150 ยูนิต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ มีเสถียรภาพ และความแข็งแกร่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
“ช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันลงมาอย่างรวดเร็ว และทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้บริโภคหันกลับไปใช้น้ำมันมากขึ้น ทำให้ปริมาณการขาย LPG ลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง โดยไปเน้นการพัฒนางานด้านอื่น ๆ ที่เรามีอยู่ ประกอบกับยังมองหาธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแรงของบริษัทฯ เพิ่มเติมด้วย” นางสาวนิตา กล่าว
นางสาวนิตา กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาหารือกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อนำบริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด มีงานในมือ (Backlog) มูลค่าราว 1,700 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 300 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะเข้าไปรับรู้เป็นรายได้ในปี 61
อีกทั้งเตรียมจะเข้าประประมูลงานบางส่วนในงานก่อสร้างโรงกลั่นของ บมจ. ไทยออยล์ (TOP) ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 61 โดยเบื้องต้น คาดหวังจะได้งานมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท
“ตอนนี้งานของซี เอ แซด มีค่อนข้างมาก และเราเชื่อว่า หลังจากนี้งานจะมากขึ้นอีก จากทิศทางการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าหลาย ๆ ราย ซึ่งเราต้องการเงินมาเพิ่มเพื่อที่จะได้รับงานมากขึ้น เพราะปัจจุบัน เรารับงานมาเต็มกำลังแล้ว หากจะเติบโตได้เราก็ต้องมีเงินเพิ่มอีก เราจึงมองว่า การเข้าไปอยู่ใน mai ก็ได้ทั้งความหน้าเชื่อถือ และแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมา เราได้ทำระบบบัญชีต่าง ๆ เหมือนกัน TAKUNI ซึ่งหากเป็นไปได้ เราก็อยากจะจดทะเบียนเข้า mai ในปีนี้เลย” นางสาวนิตา กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 1,652.74 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 16.50 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ LPG ยังคงชะลอตัว โดยยอดขาย LPG ในตลาดรวมทั้งในส่วนของขนส่ง ตลาดปิโตรเคมี ครัวเรือน และโรงงาน ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ