ผู้บริหารตลาด mai อาจภูมิใจในผลงาน
เพราะปีนี้มีบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีหุ้นใหม่เข้ามาเคาะซื้อขายวันเดียวถึง 2 บริษัท แต่น่าเสียหายที่ 1 ใน 2 หุ้นน้องใหม่ทำขายขี้หน้า
เพราะประเดิมวันแรกของการซื้อขาย สร้างความเสียหายให้นักลงทุนเสียแล้ว
บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PORT บริษัทที่ให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจร ได้รับอนุมัติให้เข้าซื้อขายในตลาด mai พร้อมกับ บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น THMUI ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลวดสลิง
หุ้น PORT เสนอขายหุ้นนักลงทุนทั่วไปในราคาหุ้นละ 4.50 บาท (พาร์ 1 บาท) ส่วน THMUI เสนอขายหุ้นในราคา 2.55 บาท/หุ้น
ราคาหุ้น PORT เปิดการซื้อขายที่ 7.05 บาท ขึ้นไปสูงสุดที่ 7.35 บาท ลงมาต่ำสุดที่ 6.05 บาท ก่อนจะปิดที่ 6.25 บาท สูงกว่าราคาจอง 1.75 บาท หรือสูงกว่าจอง 38.89% ถือว่าสร้างผลตอบแทนอยู่ในเกณฑ์ดีสำหรับนักลงทุนที่จองซื้อ
แต่หุ้น THMUI กลับเดี้ยง โดยเปิดที่ราคา 2.98 บาท ขึ้นไปสูงสุดที่ 3.04 บาท ก่อนลงมาปิดที่ 2.42 บาท ซึ่งถือเป็นราคาต่ำสุด
ต่ำกว่าราคาจอง 0.13 บาท หรือต่ำกว่าจอง 5.10%
ไม่มีเหตุผลใดนำมาอ้าง เพื่อแก้ตัวหรือแก้ต่างสำหรับหุ้น THMUI เพราะภาวะตลาดหุ้นถือว่าเป็นใจกับหุ้นน้องใหม่ จึงไม่ถือว่าเข้ามาซื้อขายผิดจังหวะ ดังนั้น ราคาหุ้นที่ต่ำกว่าจอง น่าจะเกิดจากการตั้งราคาเสนอขายที่สูงไปหน่อย
แต่ใครล่ะเป็นคนถล่มขายหุ้น THMUI เพราะนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นไว้ ไม่น่าจะเร่งขายตัดขาดทุน ในวันแรกที่หุ้นเข้ามาซื้อขาย
ทุนจดทะเบียน THMUI มีจำนวนทั้งสิ้น 340 ล้านหุ้น โดย "กลุ่มลีลาประชากุล" ถือหุ้นรวมกันกว่า 60% ของทุนจดทะเบียน แต่หุ้นที่ซื้อขายวันแรกมีจำนวนกว่า 283 ล้านหุ้น หรือมากกว่า 80% หุ้นที่จดทะเบียนทั้งหมด ทำให้น่าตั้งข้อสงสัยว่า หุ้นจากไหนทะลักออกมาในตลาด
นักเก็งกำไรจะซื้อขายหมุนเวียนกันหลายรอบเชียวหรือ
หุ้น THMUI ทำให้ผู้บริหารตลาด mai ต้องเสียฟอร์ม แต่อาจไม่ยอมเสียหน้า เพราะมีคำพูดที่นำมาเป็นข้ออ้างเสมอ เมื่อบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai มีปัญหา หุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขายวันแรกราคาต่ำกว่าจอง เป็นเพียงส่วนน้อยของหุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขายในตลาด mai ทั้งหมด
หมายความว่า ปัญหาหุ้น THMUI เป็นปัญหาเฉพาะกรณี แต่หุ้นใหม่ส่วนใหญ่ ยังสร้างผลตอบแทนที่ดีอยู่
ไม่กี่วันก่อนหน้า ผู้บริหารตลาด mai เพิ่งแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทในตลาด mai จำนวน 141 บริษัท จากจำนวนทั้งสิ้น 145 บริษัท ซึ่งมีกำไรสุทธิรวม 594 ล้านบาท ลดลง 56.72% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันกับปีก่อน
กำไรที่ลดลง ได้รับคำอธิบายว่า เกิดจากมีการบันทึกผลขาดทุนจากรายการพิเศษ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว
ส่วนจำนวน 141 บริษัทที่แจ้งผลประกอบการมาแล้ว ปรากฏว่า มีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 98 บริษัท หรือ 69.50% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด จึงมีบริษัทที่ผลประกอบการขาดทุนประมาณ 43 บริษัท หรือประมาณ 30% ของบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai ซึ่งไม่ใช่สัดส่วนที่น่าสบายใจ
เพราะเมื่อผลประกอบการขาดทุน จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น และเมื่อบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai สัดส่วน 30% มีผลประกอบการขาดทุน จึงเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวัง
อย่างน้อยต้องเฝ้าดูว่า ผลดำเนินงานที่ขาดทุน เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หรือขาดทุนเป็นอาชีพ กี่ปี ๆ ก็ขาดทุน เพราะมีนับสิบบริษัทที่ผลประกอบการขาดทุนหลายปีติดต่อ ซึ่งผู้บริหารตลาด mai ไม่พยายามพูดถึงบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการเน่าๆ
เช่นเดียวกับนโยบายการรับหุ้นใหม่ที่ยังโดดโลดเต้นกับความภาคภูมิใจในเชิงปริมาณอยู่ แม้บริษัทจดทะเบียนที่ปล่อยผ่านเข้ามาซื้อขายในตลาดใหม่
สร้างความเสียหายให้นักลงทุนนับสิบตัวแล้วก็ตาม
THMUI น่าจะทำให้ผู้บริหารตลาด mai สลดกับนโยบายรับหุ้นใหม่บ้าง เพราะเพียงวันแรกก็ทำให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นไว้และนักเก็งกำไร เลือดสาดตาม ๆ กันแล้ว ใครที่บ้าเห่อหุ้นใหม่ บริษัทไหนเสนอขายไล่จองหมด ต้องระวังกันบ้าง เพราะเล่นหุ้นใหม่ ไม่ได้รวยเสมอไป เจ๊งบ๊งได้เหมือนกัน
THMUI เป็นหลักฐานยืนยันตัวล่าสุด