กสิกรไทย ปรับเป้าหมายจีดีพีปีนี้เพิ่มเป็น 3.9% จาก 3.6% ขณะที่ปีหน้าคาดเติบโตได้ 3.9% จากฐานที่กว้างขึ้น ขณะที่สินเชื่อแบงก์ขยับกระเตื้องตาม ยันไม่ห่วงเอ็นพีแอลสินเชื่ออสังหาฯ ยังเพิ่ม ระบุน่าจะผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่ขึ้นอยู่ธนาคารแต่ละแห่ง และยังต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตในอัตราสูงกว่าที่คาดไว้ จากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้ปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีปีนี้เป็น 3.9% จากเดิมที่ 3.6% ส่วนในปีหน้า คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.9% เช่นกันจากฐานที่กว้างขึ้น และหาก พ.ร.บ. โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เกิดขึ้นทันในต้นปีนี้ ก็จะเป็นส่วนที่ช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนทั้งจากภาครัฐ และเอกชนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้สูงกว่าที่คาดไว้ แต่ก็ยังถือว่าต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็นที่ระดับ 5% โดยปัจจัยหลักเกิดจากปัญหาในเชิงโครงสร้างของประเทศ ซึ่งเชื่อว่า ในจุดนี้ทางรัฐบาลได้ตระหนักอยู่แล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีขึ้น ก็น่าจะส่งผลให้สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ดีขึ้นตามไปด้วย จากในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 4% ขณะที่ธนาคารกสิกรไทย คาดการณ์สินเชื่อปีนี้เติบโตได้ 4-6% และปีหน้าที่ 5-7% ซึ่งก็จะนำโดยกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อาทิ ก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง กลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว การส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง รวมถึงธุรกิจค้าปลีกที่น่าจะกระเตื้องขึ้นจากการบริโภคหลังราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มที่เอสเอ็มอีรายย่อยยังคงต้องดูแลอยู่
ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความเป็นห่วงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้นนั้น นายปรีดี กล่าวว่า ตนมองว่า เอ็นพีแอลของกลุ่มน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินแต่ละแห่งที่มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป ซึ่งในส่วนของธนาคารเองมองว่าไม่น่าห่วง แต่ก็ยังต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
“ตามพื้นฐานของคนที่ซื้อบ้านนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นความต้องการอย่างแท้จริง ไม่ใช่เห็นแก่โปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% เพียง 1-2 ปีแล้วก็ปล่อยทิ้งไป จึงไม่น่าที่จะมีสาเหตุมาจากกรณีโปรโมชั่นของธนาคารต่าง ๆ”
ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในการบรรยายพิเศษหัวข้อ “เจาะลึก Thailand 4.0 อนาคตประเทศไทย” ในงานสัมมนา “THE WISDOM Wealth Avenue : เจาะลึกอนาคตประเทศไทย สู่โอกาสการลงทุนอย่างผู้นำ” ที่จัดโดยธนาคารกสิกรไทยว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นก็คือ การมีเสถียรภาพทางการเมืองที่ช่วยดึงความเชื่อมั่นกลับมา แต่ในช่วงดังกล่าว ปัจจัยด้านต่างประเทศไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่สูงนัก โดยปี 2558 เติบโตได้ 2.9% ปี 2559 เติบโต 3.2% แต่ปีนี้ และปีหน้า แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะเติบโตได้ 3.8% และปีหน้าที่ 4.1% ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่เติบโตได้ดีขึ้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศเองก็มีทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการลงทุนภาครัฐต่าง ๆ พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เชื่อว่าจะสามารถผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปพร้อม ๆ กับเศรษฐกิจโลกได้อย่างแน่นอน