ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ ประเมินแนวโน้มผลงานปี 2561 เป็นปีที่ดีของบริษัทฯ จากการรับรู้รายได้โครงการมูลค่าราว 150 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ที่เลื่อนมาจากปี 2560 การเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ LED แทนผลิตภัณฑ์เดิม เพื่อประหยัดพลังงานขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น เตรียมส่งโคม signature series เจาะตลาดพรีเมียม ตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโต 15-20% พร้อมลุยตลาดต่างประเทศเต็มสูบ
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้า และอุปกรณ์แสงสว่าง รายใหญ่ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงแผนงานในปี 2561 ว่าจะเป็นปีที่ดีของบริษัท โดยมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่ โครงการมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท ที่เลื่อนมาจากปี 2560 จะมีการรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2/2561 รวมทั้งบริษัทย่อยในเวียดนาม จะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 2/2561 ซึ่งจะมีรายได้เข้ามา ประกอบกับสำนักงานตัวแทนในมาเลเซีย และอินโดนีเซีย เริ่มลงตัวสามารถดำเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ คาดการณ์ว่า การเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ LED แทนผลิตภัณฑ์เดิมเพื่อประหยัดพลังงาน จะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโคม signature series ซึ่งบริษัทฯ ได้พัฒนาขึ้นสำหรับเจาะตลาดบน จะสามารถออกสู่ตลาดได้ในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายและให้บริการในปี 2561 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 15-20%
“ปีหน้า L&E จะรุกตลาดต่างประเทศเต็มที่ โดยเฉพาะในตลาดเวียดนาม เราได้เข้าไปตั้งบริษัทย่อยเพื่อเปิดสำนักงานโชว์รูมสินค้า คลังสินค้า และโรงงานผลิต เนื่องจากเวียดนามมีโอกาสการเติบโตสูงจากการเข้าลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มซีพี และกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย โดยมองว่า ประเทศเวียดนามกำลังขยายตัว และมีความต้องการใช้สินค้าของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย มีความคุ้มค่าที่จะลงทุน และมั่นใจที่จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจแสงสว่างรายใหญ่ของ AEC ขณะที่สำนักงานตัวแทนในมาเลเซีย และอินโดนีเซีย เริ่มลงตัวสามารถดำเนินงานและบุกตลาดได้เต็มที่ทั้ง 3 ประเทศ สัดส่วนรายได้จะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยการขยายตลาดต่างประเทศบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้ในปี 2561 ราว 7-8% จากปี 60 อยู่ที่ 5% โดยจะเน้นกลุ่มประเทศ CLMV เป็นหลัก” นายปกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปี 2561 บริษัทฯ พร้อมเข้าประมูลงานโครงการใหม่จากภาครัฐ และเอกชนอย่างต่อเนื่อง จากงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมทั้งการเข้าร่วมงานอีเวนต์ และออกบูทที่เกี่ยวกับพลังงานอย่างต่อเนื่อง
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับรายได้จากการขายและให้บริการในปี 2560 จะอ่อนตัวเล็กน้อย ประมาณ 5% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากมีการเลื่อนรับรู้รายได้ และเลื่อนส่งมอบงานไปเป็นปี 2561 ประมาณ 150 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีทำให้ราคาสินค้าทดแทนต่ำกว่าราคาสินค้าเดิม 20-30%
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า แม้ยอดขายลดลง เพราะผลจากอัตรากำไรเบื้องต้นที่ปรับตัวดีขึ้นจาก 28.3% ในปี 2559 มาเป็นประมาณ 32% ในปี 2560 ทั้งนี้ เป็นผลจากการลดต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และอัตรากำไรของสินค้าทดแทนสูงกว่าของสินค้าเดิม ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายลดลง เพราะการกู้ยืมเงินจากธนาคารลดลง
“ปกติที่ผ่านมา ผลประกอบการไตรมาส 4 จะดีกว่าทุก ๆ ไตรมาส ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันใน Q4 ปีนี้ แม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจาการเลื่อนการรับรู้รายได้งานโครงการออกไปเป็นช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2/2561 ส่วนราคาสินค้า LED ปรับตัวลดลง 20-30% ในปีนี้ เป็นเพราะต้นทุนต่อหน่วยลดลง เพราะมีการผลิตและใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่ปีหน้า คาดว่าราคาขาย LED จะทรงตัว จึงประมาณการว่า ปีหน้ารายได้จากการขายและบริการจะเพิ่มขึ้น 15-20% จากปีนี้รายได้จากการขายและบริการอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น” นายปกรณ์ กล่าว