ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น มั่นใจ เข้าเทรดวันแรกได้รับการตอบรับจากนักลงทุน หนุนราคายืนเหนือจองจากไอพีโอที่ 2.55 บาทต่อหุ้นได้สำเร็จ ด้วยปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแกร่ง ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้ามาอย่างยาวนาน และความสามารถในการทำกำไรในอัตราที่ดี ที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำการเสนอขายหลักทรัพย์ ย้ำความเชื่อมั่น เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนใหญ่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ มั่นใจ THMUI จะเป็นที่สนใจของนักลงทุนในระยะยาว
นายทชากร ลีลาประชากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI เปิดเผยถึงความพร้อมการซื้อขายหุ้น THMUI วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ทำให้สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.55 บาทต่อหุ้นได้ จากความเชื่อมั่นในฐานะผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูง ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ ไบรดอน (Bridon), คิสไวร์ (Kiswire), อูช่า (Usha) และครอสบี้ (Crosby) เป็นต้น รวมทั้งบริการหลังการขาย และมีใบรับรองสินค้าจากผู้ผลิต เพื่อให้เกิดความมั่นใจในสินค้าที่ส่งมอบ
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีจุดแข็งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจลวดสลิงมายาวนาน ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และพันธมิตร ลดความเสี่ยงจากการมีลูกค้าอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม และเป็นลูกค้าชั้นนำที่มีความต้องการใช้ลวดสลิงที่มีคุณภาพ และบริการอย่างครบวงจร การเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น เงินที่ได้จากการระดมทุนราว 247.53 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ส่วนที่เหลือ ใช้ลงทุนซื้อเครื่องทดสอบแรงดึงขนาดใหญ่ และโครงการก่อสร้างโกดังสินค้า เชื่อว่าจะสนับสนุนยอดขายและกำไรของบริษัทฯ ให้เติบโตโดดเด่นในระยะยาวได้
ทั้งนี้ ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทฯ สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 24.69 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 5.19 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 376.97 และเติบโตกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 18.92 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว สำหรับรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 310.61 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 25.33 จากงวดเดียวกันของปี 2559 อยู่ที่ 247.83 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 120.82 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 100.46 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 38.90 อัตรากำไรสุทธิร้อยละ 7.90 การเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากบริษัทฯ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการได้เพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยลวดสลิงคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของยอดขายทั้งหมด และคาดว่า ภาพรวมธุรกิจทั้งปีนี้จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เติบโตกว่ารายได้จากการขายและให้บริการในปี 2559 อยู่ที่ 356.74 ล้านบาท
“THMUI เข้าจดทะเบียนในตลาด mai ครั้งนี้ นอกจากได้เงินระดมทุนสำหรับขยายธุรกิจแล้ว ยังเป็นการสร้างชื่อเสียงให้บริษัทฯ ในฐานะผู้นำในการจัดจำหน่ายลวดสลิงที่มีคุณภาพสูง และได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้ามาโดยตลอด บริษัทฯ หวังจะยกระดับมาตรฐานลวดสลิงในประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าของเราได้สินค้าและบริการที่ดีที่สุด รวมทั้งมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ ตอบแทนผู้ถือหุ้น สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในระยะ” นายทชากร กล่าว
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของบริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI กล่าวว่า มั่นใจหุ้น THMUI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก ราคาหุ้นจะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.55 บาทต่อหุ้นได้ เนื่องจากธุรกิจมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูงรายแรก ที่เข้ามาสร้างสีสันให้ตลาดทุนไทย ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้อย่างน่าประทับใจ ขายไอพีโอหมดเกลี้ยงทั้งจำนวน จึงมั่นใจว่า THMUI จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องบนกระดานเทรดวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้
THMUI มีจุดเด่นในเรื่องของความเชื่อมั่นที่ได้รับจากคู่ค้า พันธมิตร ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศที่ไว้วางใจใช้บริการ และอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงลูกค้ารายใดเป็นพิเศษ โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเหล็ก เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ 30.57% กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 17.24% กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง 9.47% และกลุ่มท่าเรือ 6.58% ของรายได้จากการขายทั้งหมด ประกอบกับการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าโดยใช้ระบบไอทีที่ทันสมัย และความสามารถในการทำกำไร มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ระดับ 40% ทำให้เชื่อมั่นว่า แผนการระดมทุนครั้งนี้จะเป็นการเตรียมพร้อมรับโอกาสในการขยายฐานลูกค้าทั้งรายเดิม และรายใหม่ รับอานิสงส์จากการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ ของภาครัฐบาล และเอกชน ทั้งในกลุ่มงานก่อสร้าง แผนการลงทุนตามแผนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 และเฟส 4 เป็นต้น ทำให้อุปสงค์ลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วมีคุณภาพเพิ่มสูงขึ้นในทิศทางเดียวกันอีกด้วย มั่นใจว่า THMUI จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาว