บอร์ด FC ไฟเขียวจัดตั้งบริษัทใหม่ เปลี่ยนโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ซื้อโรงไฟฟ้าที่รับโอนมาจากบริษัท PRG และ PRT หวังหนุนผลประกอบการในอนาคตให้ดีขึ้น สร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ และอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อเนื่องในระยะยาว และเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมออกหุ้นเพิ่มทุน 2.07 หมื่นล้านหุ้น จัดสรรให้ PP ราคา 0.27 บ. ต่อหุ้น-รองรับการวอร์แรนต์ และโอนส่วนล้ำมูลค่าหุ้น เพื่อล้างขาดทุนสะสม 853.08 ล้านบาท
นางสาวนราวดี วรวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ FC ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านอาหารไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทใหม่ และได้เข้าไปซื้อโรงไฟฟ้าที่รับโอนมาจากบริษัท ไพร์ม โรด แคปปิ ตอล จำกัด หรือ PRC โดยนายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ และนายสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRC นายสมประสงค์ และนายสุรเชษฐ์ (Designated Person) และ 2) บริษัทจำกัดที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ถือหุ้นโดยบริษัท ไพร์ม โรด เทค จำกัด หรือ PRT (และ/หรือบุคคลที่ได้รับ มอบหมายของ PRT (Designated Person)) ตามแผนการรวมธุรกิจของบริษัทฯ โดยการรับโอนกิจการทั้งหมด (EBT) เพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกใหม่ต่อผู้ถือหุ้นเดิม โดยผู้ที่ใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัทอาจไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Warrant RO) เพื่อช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น โดยไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนในบริษัทต่าง ๆ เหล่านั้นอีกต่อไป รวมทั้งสามารถนำทรัพยากรของบริษัทฯ ที่ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในธุรกิจที่ประสบปัญหาดังกล่าวไปใช้ในการดำเนินโครงการ หรือธุรกิจใหม่ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทฯ ได้มากกว่าธุรกิจเดิม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ต่อไป ตลอดจนสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ และอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วย
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาให้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากทุนจดทะเบียนเดิม 3,178,403,680 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 2,767,765,276 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่ายจำนวน 410,638,404 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นหุ้นสามัญจดทะเบียนที่คงเหลือจากการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) และโอนทุนสำรองตามกฎหมาย จำนวน 2,661,312 บาท และจำนวนสุทธิของส่วนเกินมูลค่าหุ้นและส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น จำนวน 322,889,525 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมของบริษัทฯ ซึ่งจะยังเหลือผลขาดทุนสะสม จำนวน 853,084,965 บาท รวมทั้งเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากทุนจดทะเบียนเดิม 2,767,765,276 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 23,506,255,046 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 20,738,489,770 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท เพื่อจัดสรรและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ไม่เป็นการเสนอขายในราคาต่ำ โดยจัดสรรเพื่อใช้ชำระเป็นค่าตอบแทนให้แก่ 1. บริษัท จำกัด ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ถือหุ้นโดย “คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้บริษัทจำกัดที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ถือหุ้นโดย PRC นายสมประสงค์ และนายสุรเชษฐ์”
อย่างไรก็ตาม หากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ และการจัดสรรหุ้นดังกล่าวข้างต้น และ PRC นายสมประสงค์, นายสุรเชษฐ์ (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRC นายสมประสงค์ และนายสุรเชษฐ์ (Designated Person)) และ PRT (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRT (Designated Person)) จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ตามที่ระบุแล้วเสร็จ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการซื้อหุ้น และการทำคำเสนอซื้อหุ้นเสร็จสิ้นลงแล้ว จะส่งผลให้ PRC นายสมประสงค์ นายสุรเชษฐ์ (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRC นายสมประสงค์ และนายสุรเชษฐ์ (Designated Person)) และ PRT (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRT (Designated Person)) ถือหุ้นของบริษัทฯ รวมทั้งสิ้น 14,881,481,481 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 87.45 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ หลังการจัดสรรหุ้น ซึ่งมากกว่าร้อยละ 75 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ ทำให้ PRC นายสมประสงค์ นายสุรเชษฐ์ (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRC นายสมประสงค์ และนายสุรเชษฐ์ (Designated Person)) และ PRT (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRT (Designated Person)) มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ (Mandatory Tender Offer) ซึ่งราคาเสนอซื้อเท่ากับ 0.27 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น บริษัทฯ คาดว่า กระบวนการรับโอนกิจการจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2561 ส่วนการดำเนินธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปกันสำรองไว้เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม ปี 2561 ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน และสัญญาระหว่างกัน รวมทั้งสามารถนำไปใช้เป็นนเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ