xs
xsm
sm
md
lg

“เอกชัยการแพทย์” เข้าสู่ช่วงไฮซีซัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เอกชัยการแพทย์” คาดผลงานครึ่งปีหลังโตแรง อานิสงส์ธุรกิจเข้าสู่ช่วง High Season เริ่มเปิดบริการให้คำปรึกษาแก่ผู้มีบุตรยาก ตั้งแต่เดือน พ.ย. 60 รองรับผู้มีบุตรยากทั้งไทย และจีน ด้านผู้บริหาร “นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร” มั่นใจช่วยหนุนผลประกอบการให้เติบโตในทิศทางที่ดี สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับผู้ถือหุ้น ขณะ บล. ฟินันเซีย ไซรัส แนะหาจังหวะเข้าซื้อ ให้ราคาเหมาะสมปี 61 ที่ 7 บาท

นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) ผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 2560 มีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ มีอัตราการครองเตียง (Utilization Rate) เตียง IPD อยู่ในระดับสูง ส่วนทั้งปี 2560 บริษัทฯ ยังคงคาดว่ารายได้จะเติบโต 7% จากปีก่อน ที่มีรายได้รวม 511.98 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ โรงพยาบาลจะเริ่มเปิดบริการให้คำปรึกษาแก่ผู้มีบุตรยาก เพื่อรองรับผู้มีบุตรยากทั้งในประเทศ และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรจากประเทศดังกล่าวให้การแนะนำลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง และจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการในอนาคตของบริษัทฯ เติบโตในทิศทางที่ดี สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับผู้ถือหุ้น

“โรงพยาบาลเอกชัยมีความเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงในเรื่องศูนย์แม่และเด็กอยู่แล้ว จึงเห็นโอกาสในการขยายศูนย์เฉพาะทางมากขึ้น พฤศจิกายนนี้ก็เริ่มให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่มีบุตรยากแล้ว และด้วยความพร้อมของบุคลากร เครื่องมือที่มีความทันสมัย เทคโนโลยีไม่ได้ด้อย ประกอบกับการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งแนะนำลูกค้าเข้ามาใช้บริการ” นายแพทย์อำนาจ กล่าว

ด้าน บล. ฟินันเซีย ไซรัส ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น EKH โดยระบุว่า กำไรปกติในไตรมาส 3/2560 กลับมาเติบโตอย่างโดดเด่น จากแรงสนับสนุนของ High Season ขณะที่แนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/2560 ยังสดใสจากฤดูฝนที่ลากยาว รวมถึงฐานที่ต่ำในปีก่อน นอกจากนี้ยังมี Catalyst จากการเริ่มเปิดศูนย์ผู้มีบุตรยากในปลายปีนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์จึงยังคงประมาณการกำไรปกติในปีนี้เติบโต 7.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจะเติบโต 13.7% ในปี 2561 จึงปรับราคาเหมาะสมในปีหน้าเป็น 7 บาทต่อหุ้น และหากราคาหุ้นในระยะสั้นปรับลดลงเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ
กำลังโหลดความคิดเห็น