นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์สื่อกลางซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย กล่าวถึงการเปิดตัวรายงานดัชนีอสังหาริมทรัพย์ในชื่อ “ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พร็อพเพอร์ตี้ อินเด็กซ์” ว่า รายงานดังกล่าว เป็นการวิเคราะห์ข้อมูล Big Data จากฐานข้อมูลของเว็บไซต์ DDproperty.com ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการกว่า 2 แสนรายการในเว็บฯ (ประมาณ 65-70% อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เหลือจะเป็นพื้นที่รอบนอก และหัวเมืองใหญ่) และมีผู้เข้ามาคลิกดูเว็บฯ ประมาณ 3.5 ล้านคนต่อเดือน เพื่อนำมากลั่นกรองวิเคราะห์สถานการณ์ด้านราคา และอุปทานในรอบไตรมาส
ตามรายงานระบุว่า ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ช่วงไตรมาส 3 ปี 60 พบเห็นสัญญาณบวกในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังฟื้นตัว จากที่ก่อนหน้านี้ ต้องเผชิญกับภาวะชะลอตัว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา และกำลังซื้อที่ลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดระดับกลางไปจนถึงระดับล่าง เนื่องจากสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้านี้ (YOY) จะพบว่า ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% ทั้งนี้ หากมองย้อนกลับไปช่วง 2 ปี ดัชนีราคาเพิ่มขึ้นถึง 53% ซึ่งนับเป็นแนวโน้มการเติบโตด้านราคาที่ดีในระยะยาว
ดัชนีราคาคอนโดมิเนียมเติบโตมากที่สุด เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคมีความสนใจสินค้าที่อยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) ขณะที่การขยายโครงข่าวรถไฟฟ้าก็เพิ่มตลาดคอนโดมิเนียมมากขึ้น จะเห็นว่า ทำเลแนวรถไฟฟ้าสีเขียวอ่อน และสายสีน้ำเงิน (ท่าพระ-บางแค) มีการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รายงาน ได้ชี้ว่า ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในเขตจตุจักรปรับเพิ่มขึ้น 10% ตามมาด้วยเขตพระโขนง เพิ่มขึ้น 7% ส่วนเขตราคาแพงสุด (นั่นหมายถึงราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกัน) ได้แก่ เขตปทุมวัน 1.8 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) เขตราชเทวี 1.7 แสนบาทต่อ ตร.ม. และเขตคลองเตย 1.6 แสนบาทต่อ ตร.ม.
หากพิจารณาระดับราคาแล้ว จะพบเห็นว่า ดัชนีราคาของที่อยู่อาศัยระดับต่ำกว่า 3.5 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 3% ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 59 คาดว่าจะเป็นผลกระทบจากยอดปฎิเสธสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ที่กู้ไม่ผ่านต้องยกเลิกการซื้อขายเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ดัชนีราคาของที่อยู่อาศัยระดับราคา 8.5-15 ล้านบาทและ 15 ล้านบาทขึ้นไป กลับขยับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 58 เป็นต้นมา สอดคล้องกับทิศทางในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการที่หันมาโฟกัสกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น นับตั้งแต่เศรษฐกิจเริ่มตกอยู่ในภาวะชะลอตัว
ในฝั่งของอุปทาน (Supply) แม้จำนวนอุปทานในช่วงต้นปี 2560 จะค่อนข้างน้อย โดยลดลงจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 59 ราว 9% แต่ในช่วง 2ไตรมาสต่อมา อุปทานที่อยู่อาศัยในตลาดกรุงเทพฯกลับดีดตัวเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ จำนวนอุปทานเพิ่มขึ้น 5% และล่าสุดในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 14%
“ภาพรวมเราคิดว่าคงไม่เกิดโอเวอร์ซัปพลาย แต่อาจจะมีบางทำเล แต่สิ่งที่น่าสนใจมานาน คือ ตลาดคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้าที่เติบโต ขณะเดียวกัน จะพบเห็นตลาดผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มความสนใจการอยู่อาศัยในโครงการคอนโดฯ เหตุผลจากเรื่องครอบครัวเล็กลง เรื่องความปลอดภัย ความสะดวก เป็นต้น รวมถึงกลุ่มที่วางแผนซื้อที่อยู่อาศัยรองรับวัยเกษียณอายุ มีสัดส่วน 10% ซึ่งเป็นคำตอบจากแบบสอบถามจากลูกค้า”