“ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่” โชว์กำไร 9 เดือนของปี 60 ที่ 325.36 ล้านบาท จ่อ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล 4.6 เมกะวัตต์ ในไตรมาสแรกปี 61 ล่าสุด เซ็นเงินกู้ SCB จำนวน 2,250 ลบ. ซื้อหุ้นโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น 183 เมกะวัตต์
ดร. แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำ 9 เดือนแรกของปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 325.36 ล้านบาท โดยที่กลุ่มบริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น เพิ่มมากขึ้น จากการที่กลุ่มโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นทยอยสร้างแล้วเสร็จ และทยอยเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2558-2559 จำนวนทั้งหมด 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 5 เมกะวัตต์ รวมถึงการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของโครงการเดิมที่ดำเนินการอยู่ภายในประเทศยังเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 3 โครงการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช กำลังการผลิตรวม 22.2 เมกะวัตต์นั้น โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 1 โครงการ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท บางสวรรค์ กรีน จำกัด หรือ BSW กำลังการผลิตเสนอขาย 4.6 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำหนด COD และจะเริ่มรับรู้รายได้ในเดือนมกราคม 2561 ส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวล OSCAR ทั้ง 2 โรงที่ จ.นครศรีธรรมราช จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือ COD และรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 ซึ่งทั้ง 3 โครงการเดินหน้าไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งสิ้น 37 โครงการกำลังการผลิตเสนอขายรวม 298.42 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นในประเทศ 29 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขาย 121.7 เมกะวัตต์ และประเทศญี่ปุ่น จำนวน 8 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขาย จำนวน 176.72 เมกะวัตต์
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาสนับสนุนทางการเงินมูลค่า 2,250 ล้านบาท ระหว่างบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB สำหรับการเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประเภทติดตั้งบนพื้นดิน หรือโซลาร์ฟาร์ม ที่เมืองโอนิโกเบ จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 183 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ 2,080 ไร่ ราคาขายไฟแบบ FIT อัตรา 36 เยนต่อหน่วย มูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมดประมาณ 19,658 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพานิชย์ หรือ COD ได้ภายในปี 2565
“ในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ เรายังคงสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่เดิมทั้งในและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่ในปีหน้า ก็จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มเติมเข้ามาในโครงการใหม่ ๆ เช่น โรงไฟฟ้าชีวมวลที่จะเริ่ม COD ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า ส่วนการได้รับเงินกู้จาก SCB ในการเข้าซื้อหุ้นโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น จะเป็นการพลิกโฉมหน้าของ TSE ในการก้าวสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนในระดับนานาชาติ และจะเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการเติบโตของธุรกิจ” ดร. แคทลีน กล่าว