xs
xsm
sm
md
lg

โบรกเผยกำไร บจ. ไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาดการณ์ หลังเอ็นพีแอลกลุ่มแบงก์พุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โบรกเผยกำไร บจ. ไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาดการณ์ หลังเอ็นพีแอลกลุ่มแบงก์พุ่ง ชี้ทั้งปีพลาดเป้า 980,000 ล้านบาท แน่นอน ธุรกิจสื่อขาดทุนอยู่กลุ่มเดียว

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ไตรมาส 3/2560 มีกำไรสุทธิรวม 204,000 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.2% ส่วน บจ. ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,582 ล้านบาท ลดลง 20.4%

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้กำไรสุทธิ บจ. ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ถึง 20,000 ล้านบาท มาจากปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารพาณิชย์, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนน้อยลง, ความสามารถการแข่งขันของธุรกิจเอสเอ็มอี, กรณีของ บมจ. ปตท.สผ. (PTTEP) ที่ขาดทุนกว่า 8,000 ล้านบาท และอื่น ๆ ทั้งนี้ ผลดำเนินงานของบริษัททั้งหมด 670 บริษัท โดยรวม 9 เดือน ทั้งใน SET และ mai มีกำไรรวมกัน 713,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% และทั้งปี 2560 คาดว่ากำไรรวมจะไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ที่ 980,000 ล้านบาทแน่นอน

สำหรับกลุ่มที่มีกำไรสุทธิสูง คือ กลุ่มพลังงานที่มีกำไรสุทธิ 50,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% และลดลงจากไตรมาสก่อน 20.3% เมื่อรวม 9 เดือนอยู่ที่ 200,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% ซึ่งในส่วนกรณีของ PTTEP ที่ขาดทุนมาจากการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ของโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ทำให้กำไรสุทธิในกลุ่มพลังงานภาพรวมลดลง ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นกลุ่มที่ฉุดกำไร บจ. ไตรมาส 3 ของภาพรวมมากที่สุด โดยมีกำไรสุทธิ 47,486 ล้านบาท ลดลง 9.3% เมื่อรวม 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 140,860 ล้านบาท ลดลง 6.4%

“ผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ส่วนหนึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นช่วงนี้ปรับตัวลดลง นอกเหนือจากความกังวลที่ต่างชาติเทขายต่อเนื่อง และนักลงทุนจับตาความคืบหน้าร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ หลังมีข่าวว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 ซึ่งประเทศไทยจะทราบผลวันที่ 17 พ.ย.นี้” นายมงคล กล่าว

ด้าน บล. เอเซียพลัส ระบุว่า กลุ่มที่มีกำไรปรับเพิ่มขึ้นสูงในไตรมาส 3 คือ กลุ่มท่องเที่ยว และโรงแรม มีกำไร 486.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 74.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนกลุ่มที่มีกำไรแย่ที่สุด คือ กลุ่มยานยนต์ ที่มีกำไร 1,040 ล้านบาท ลดลง 18.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 25.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ เป็นกลุ่มเดียวที่มีผลขาดทุนอยู่ที่ 1,090 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 281.15 ล้านบาท และเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่มีกำไร 969.54 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น