“อธิบดีกรมศุลกากร” เผยจับกุมบุหรี่ปลอมได้อีกกว่า 36.1 ล้านมวน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 300 ล้านบาท ระบุบุหรี่ทั้งหมดที่จับกุมในครั้งนี้เป็นสินค้านำเข้าผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง โดยใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรนำของเข้าเก็บในเขตประกอบการเสรีนิคมอุตสาหกรรมฉลุง จังหวัดสงขลา ขณะที่มีบุหรี่บางส่วนได้ลักลอบนำเข้าประเทศมาเลเซีย และมีบางส่วนลักลอบนำกลับมาจำหน่ายในไทย
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลลากร แถลงข่าวการจับกุมบุหรี่ปลอม จำนวน 36,120,000 มวน รวมมูลค่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจ 300 ล้านบาท โดยระบุว่า บุหรี่ทั้งหมดที่จับกุมในครั้งนี้เป็นสินค้านำเข้าผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง โดยใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรนำของเข้าเก็บในเขตประกอบการเสรีนิคมอุตสาหกรรมฉลุง จังหวัดสงขลา เพื่อรอการส่งออกไปจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย แต่จากการประสานงานไปยังศุลกากรประเทศมาเลเซีย ไม่พบข้อมูลการนำเข้าบุหรี่จากประเทศไทยผ่านชายแดนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงเชื่อได้ว่า บุหรี่บางส่วนได้ลักลอบนำเข้าประเทศมาเลเซีย และบางส่วนลักลอบนำกลับมาจำหน่ายในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้ตรวจพบว่า สินค้าบุหรี่ที่จับกุมทั้งหมดมีการปลอมหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้า ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำผ่านตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ความผิดเกี่ยวกับการแสดงฉลากบุหรี่ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ความผิดตาม พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ และสำแดงเมืองกำเนิดเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยง ข้อห้าม ข้อกำกัด ตาม พ.ร.บ. ศุลกากร
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังได้มอบหมายให้กรมศุลกากรดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด และต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 60 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย ซึ่งมีผลต่อภาพลักษณ์ด้านการค้าและการลงทุน อันมีผลต่อการปรับสถานะไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List-PWL) ซึ่งนายกุลิศ ได้สั่งการให้นายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร และนายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ดำเนินการวางแผนการจับกุม
จากการประสานและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วย PCU (PORT CONTROL UNIT) ของสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง หน่วย CCU (CONTAINER CONTROL UNIT) ของศุลกากรประเทศเวียดนาม หน่วย CCU (CONTAINER CONTROL UNIT) ของศุลกากรประเทศมาเลเซีย และหน่วยงานกิจการพรมแดนของประเทศอังกฤษ (UK BORDER FORCE) พบว่ามีการนำเข้าสินค้าประเภทบุหรี่ที่ไม่สามารถพิสูจน์แหล่งผลิตได้ว่า ผลิตในประเทศใด และผลิตโดยบริษัทอะไร อันอาจไม่ปลอดภัยกับผู้บริโภคทั้งในและนอกประเทศ ตลอดจนอาจมีการละเมิดเครื่องหมายการค้า โดยใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรนำของเข้าเก็บในเขตประกอบการเสรีตาม พ.ร.บ. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 เพื่อรอการส่งออกและลักลอบนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย จึงได้แจ้งข้อมูลให้ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ส่วนควบคุมทางศุลกากร พิจารณาดำเนินการตรวจสอบจับกุม โดยมีผลการจับกุมดังนี้
1. ตู้คอนเทนเนอร์หมายเลข TGHU6562276 และ GESU5570994 สำแดงชนิดสินค้า บุหรี่ ซิกาแรต ยี่ห้อ SAAT ปริมาณ 2,160 CTNS (21,600,000 มวน) ราคา 3,601,868 บาท ประเทศกำเนิด เวียดนาม ประเทศต้นทางบรรทุก สิงคโปร์ ระบุบริษัทผู้ผลิต ในประเทศเวียดนาม ผลการตรวจสอบพบปริมาณ น้ำหนัก ตรงตามสำแดง ตรวจสอบที่ซองบุหรี่ พบว่ามีรหัสบาร์โค้ดเลขที่ 4897048970480 ซึ่งรหัส 489 เป็นรหัสที่แสดงว่า สินค้าผลิตในประเทศฮ่องกง และไม่ปรากฏข้อความใดที่แสดงให้เห็นว่า สินค้าผลิตในประเทศเวียดนามและจากการประสานข้อมูลจากหน่วย CCU (CONTAINER CONTROL UNIT) ของศุลกากรประเทศเวียดนาม พบว่า บริษัทผู้ผลิตที่ระบุ ไม่ได้ผลิตบุหรี่ยี่ห้อ SAAT และส่งออกไปประเทศสิงคโปร์แต่อย่างใด กรณีเป็นการสำแดงประเทศกำเนิดเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัด อันเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากร
2. ตู้คอนเทนเนอร์หมายเลข CAIU9932785 และ HDMU6343694 สำแดงชนิดสินค้า บุหรี่ ซิกาแรต ยี่ห้อ U2 ปริมาณ 1,452 CTNS (14,520,000 มวน) ราคา 2,885,266.52 บาท ประเทศกำเนิด สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศต้นทางบรรทุก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระบุบริษัทผู้ผลิต ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผลการตรวจสอบพบปริมาณ น้ำหนัก ตรงตามสำแดง ตรวจสอบที่ซองบุหรี่ พบว่ามีรหัสบาร์โค้ดเลขที่ 5060249730002 ซึ่งรหัส 506 เป็นรหัสที่แสดงว่า สินค้าผลิตในประเทศอังกฤษ และไม่ปรากฏข้อความใดที่แสดงให้เห็นว่า สินค้าผลิตในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กรณีเป็นการสำแดงประเทศกำเนิดเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัด อันเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากร