บีซีพีจี ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2561 ไม่น้อยกว่า 10-20% แย้มแผนเจรจาซื้อกิจการธุรกิจผลิตไฟฟ้า หวังเพิ่มรายได้อีกไม่น้อยกว่า 50-100 MW เผยปีหน้าจะเริ่มรับรู้กำลังการผลิตใหม่อีกเกือบ 200 เมกะวัตต์ จากสิ้นปีนี้ที่ประมาณ 600 เมกะวัตต์ คาดได้ข้อสรุปภายในเร็ว ๆ นี้
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCPG บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2561 ไว้ว่าจะต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 20% ซึ่งบริษัทได้วางแผนการลงทุนระยะกลาง 5 ปี (ตั้งแต่ปี 2561-2565) โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ในส่วนของประมาณการรายได้ปีหน้า คาดว่าจะรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ประมาณ 200 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นโซลาร์ราชการ จำนวน 9 เมกะวัตต์, โซลาร์รูฟจากโครงการ Smart Energy ไม่ต่ำกว่า 50 เมกะวัตต์, และโครงการ SPP Hybrid ตลอดจนถึง VSPP รวมเข้าไปอีกประมาณ 20-40 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นอีกกว่า 80-90 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ดี คาดว่ามาร์เกตแคปจะสามารถทะลุเป้าหมายที่ 5 หมื่นล้านบาทได้ภายในปี 2561 จากเดิมตั้งเป้าไว้ปี 2565 เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่น และเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ล่าสุด มาร์เกตแคปของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากช่วงกลางปีที่ประกาศเป้าหมาย ยังมีมาร์เกตแคปเพียง 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาเข้าลงทุนและซื้อกิจการธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศหลายโครงการ ทุกรูปแบบการผลิต ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการเจรจาเข้าซื้อกิจการใหม่นั้น คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 50-100 เมกะวัตต์
ขณะที่โครงการ Smart Energy บริษัทเป็นรายแรกของประเทศที่นำร่องใช้ Blockchain Technology สำหรับซื้อขายไฟฟ้าด้วยระบบอินเทอร์เน็ต ผ่านแอปลิเคชันสมาร์ทโฟน โดยจะติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของพาร์ตเนอร์ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้พักอาศัยในโครงการ ซึ่งมีราคาถูกกว่าการไฟฟ้าถึง 10% โดยเฟสแรกจะเริ่มต้นใน 5 โครงการของ SIRI ประกอบด้วยโรงแรม 2 แห่ง คอมมูนิตีมอลล์ 1 แห่ง โรงเรียน 1 แห่ง และโรงงานอีก 1 แห่ง และเฟสต่อไปมีอีก 15 โครงการเตรียมเข้าร่วม