ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 2.55 บ. ต่อหุ้น เพื่อสนอขายหุ้น IPO จำนวน 97.07 ล้านหุ้น หรือ 28.55% หวังระดมทุนรวม 247.53 ล้านบาท นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซื้อเครื่องทดสอบแรงดึงขนาดใหญ่ โครงการก่อสร้างโกดังสินค้า และจ่ายคืนตั๋ว BE กำหนดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15-17 พ.ย. นี้ คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 23 พ.ย. นี้
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ของบริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI เปิดเผยว่า มั่นใจหุ้น IPO ของ THMUI จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 97.07 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 28.55 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังไอพีโอ จำนวน 170 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 340 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท กำหนดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2560 มีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 2.55 บาทต่อหุ้น และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ในหมวดธุรกิจบริการ ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “THMUI”
“ในการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 2.55 บาทต่อหุ้น เป็นระดับราคาที่เหมาะสม ประเมินจากแผนธุรกิจ และความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตของบริษัทฯ รวมถึงการประเมินมูลค่าหุ้นของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดเสนอขายต่อบุคคลทั่วไป 72,802,500 หุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 14,560,500 หุ้น เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ 9,707,000 หุ้น และมั่นใจว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจจัดจำหน่ายลวดสลิง และอุปกรณ์ยกหิ้วที่มีคุณภาพสูง จะสามารถขยายการเติบโต และมีเงินทุนที่เพียงพอต่อการเพิ่มสินค้า และทีมบริการ ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่ออกมาเป็นจำนวนมากของภาครัฐบาล และการลงทุนของภาคเอกชน ทำให้ลวดสลิงเป็นอีกกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการใช้ในแทบทุกอุตสาหกรรม และมีการเสื่อมสภาพตามการใช้งาน ทำให้ THMUI เป็นอีกหนึ่งบริษัทจดทะเบียนที่น่าจับตามอง และมีแนวโน้มการเติบโตสูงตามการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ” นายรัฐชัย กล่าว
นายทชากร ลีลาประชากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับราคาไอพีโอที่กำหนดไว้ 2.55 บาทต่อหุ้น เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ราว 247.53 ล้านบาท จะนำไปใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 147.53 ล้านบาท ซื้อเครื่องทดสอบแรงดึงขนาดใหญ่ 10 ล้านบาท ระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 2561 และโครงการก่อสร้างโกดังสินค้า 30 ล้านบาท ระหว่างปี 2561-2562 และจ่ายคืนตั๋ว BE 60 ล้านบาท ภายในปี 2560 ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้จำหน่ายลวดสลิง และอุปกรณ์ยกหิ้วที่มีคุณภาพสูง จากแบรนด์ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก และเป็นคู่ค้ากับผู้ผลิตรายสำคัญมาเป็นระยะเวลายาวนาน ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทยให้แก่ลูกค้าบางกลุ่ม ลูกค้าจึงมั่นใจในสินค้าและบริการของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ลูกค้าของบริษัทฯ อยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย จากข้อมูลงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเหล็ก เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ 30.57% กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 17.24% กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง 9.47% และกลุ่มท่าเรือ 6.58% ของรายได้จากการขายทั้งหมด ลดความเสี่ยงในเรื่องจากพึ่งพิงลูกค้ารายใดเป็นพิเศษ ไม่เน้นการแข่งขันด้านราคา เพราะกลุ่มลูกค้าบริษัทฯ เน้นสินค้าที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และมีใบรับรองสินค้า ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ พยายามคัดสรรสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และสร้างมาตรฐานให้อุตสาหกรรมลวดสลิงไทย เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน และลดความสูญเสียได้ บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดทุน จึงเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในระยะยาว
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตอย่างน่าประทับใจ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 310.61 ล้านบาท โต 25.33% จากงวดเดียวกันของปี 2559 ซึ่งเท่ากับ 247.83 ล้านบาท กำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอยู่ที่ 102.82 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 24.69 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน 5.19 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 38.90 และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 7.90 เนื่องจากบริษัทฯ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการไปยังกลุ่มลูกค้าได้เพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์ที่วางไว้ เชื่อว่าจะตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน และความสามารถในการบริหารและจัดการที่ดีเยี่ยมได้
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งวดปี 2557-2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 370.98 ล้านบาท 381.12 ล้านบาท และ 356.74 ล้านบาทตามลำดับ รายได้หลักมาจากการจัดจำหน่ายลวดสลิงและชุดประกอบกว่าร้อยละ 60 ของรายได้จากการขายและบริการ ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 179.01 ล้านบาท 160.17 ล้านบาท และ 146.17 ล้านบาทตามลำดับ กำไรสุทธิอยู่ที่ 7.79 ล้านบาท 16.30 ล้านบาท และ 18.92 ล้านบาท ตามลำดับ และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.08 ร้อยละ 4.25 ร้อยละ 5.29 เป็นผลจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลง สะท้อนการบริหารจัดการภายในได้เป็นอย่างดี