สหมิตรถังแก๊ส เผยผลงานไตรมาส 3/60 ยอดขายทำสถิติสูงสุดใหม่ ผลจากความต้องการถังแก๊ส LPG ที่สูงขึ้นในภูมิภาคเอเชียใต้ และทวีปแอฟริกา ที่เปลี่ยนมาใช้ LPG แทนฟืน และน้ำมันก๊าด ผู้บริหารประเมินยอดขายยังคงเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้เพิ่มขึ้น 15-20% จากปีก่อน เผยผลงาน 9 เดือนแรกปีนี้ กำไรลดลง 9.8% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและค่าเงินบาทที่แข็งค่า ฉุดอัตราการทำกำไรลดลง แต่มียอดขายอยู่ที่ 3,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 667 ล้านบาท หรือ 27.1%
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่าง ๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่าง ๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ งวดไตรมาส 3/2560 มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 226 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.2% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 900 ล้านบาท เนื่องจากงวดนี้ปริมาณขายเพิ่มสูงขึ้น 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการอย่างต่อเนื่องของลูกค้าในแถบเอเชีย และแอฟริกา โดยมีกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 3/2560 จำนวน 157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 138 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายและรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น สุทธิด้วยต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้น
“ผลงาน Q3/60 ที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งยอดขาย และกำไร โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรขั้นต้น 249 ล้านบาท ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่ที่ผ่านมา ต้นทุนวัตถุดิบประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการแข่งขันที่รุนแรงในบางประเทศ ทำให้อัตราการทำกำไรลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 31.5% ส่วนใหญ่เกิดจากการขายเศษซากจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณผลิตที่เพิ่มขึ้น” นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2560 บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 3,128 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 667 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.1% ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 381 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 422 ล้านบาท ลดลง 41 ล้านบาท หรือลดลง 9.8%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/2560 คาดว่า ยอดขายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการถังแก๊ส LPG ที่สูงขึ้นในภูมิภาคเอเชียใต้ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงหุงต้มมาเป็น LPG และความต้องการที่สูงขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีขึ้น รวมถึงประเทศในทวีปแอฟริกา ที่มีการเปลี่ยนมาใช้ LPG แทนฟืน และน้ำมันก๊าด ซึ่งประเทศดังกล่าวนี้เป็นลูกค้าหลักของ SMPC ทั้งนี้ จากคำสั่งซื้อล่วงหน้าในปัจจุบัน ทำให้ SMPC ได้เพิ่มกำลังการผลิตใหม่รองรับไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ Q2/2560 ส่งผลให้ SMPC มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก โดยปรับเพิ่มกำลังการผลิตรวมใหม่ในปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 8.2 ล้านใบต่อปี จากเดิม 7.2 ล้านใบ เพื่อสามารถรองรับออเดอร์ที่เพิ่มเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/60 มีกำลังการผลิตรวม 8.2 ล้านใบ
“แนวโน้มธุรกิจทั้งปี 2560 บริษัทฯ ประเมินยอดขายยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เพิ่มขึ้น 15-20% จากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 3,469 ล้านบาท ถึงแม้ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อบริษัทบ้างในฐานะผู้ส่งออก เพราะยอดขายหลักกว่า 80% มาจากการส่งออก แต่บริษัทได้มีการป้องกันความเสี่ยงด้วยการทำ natural hedging หรือพิจารณาซื้อ Forward ตามความจำเป็น และเหมาะสม นอกจากนี้ ด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น จะทำให้เกิด economy of scale ช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้” นายสุรศักดิ์ กล่าว